SF : ThorKi : Meaning of love, in the garden 1

Standard

SF : Thor x Loki

Story : Meaning of love, in the garden ; THORKI 1

Pairing : Thor Odinson  x  Loki Laufeyson

ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจิตนาการของผู้แต่ง

ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ตัวละครเสื่อมเสียใดๆทั้งสิ้น

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะครับผม!

 

wordpress : https://hiddlesworthnutty.wordpress.com

 

Twitter : https://twitter.com/Hiddleworth_nut

Dek-D : http://writer.dek-d.com/yesungmalove/writer/view.php?id=1246449

ร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับตารางงานเกินวันนี้ ที่จริงเขาต้องซ้อมอเมริกันฟุตบอลให้กับเด็กเกรด 10 และ 11 ที่จะต้องไปแข่งต่างโรงเรียนเพื่อสร้างชื่อเสียงตามคำสั่งท่าน ผอ. ถ้าหากชนะเขายังมีส่วนได้ส่วนเสียด้วยนะ หากแพ้ เขาต้องไม่ไปโค้ชให้ทีมไหนอีกจนกว่าจะเกษียณอายุราชการ แต่หากเขาพาทีมชนะ เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรอง ผอ. เลยนะเฟ้ย! รางวัลน่าสนใจแบบนี้ใครเขาอยากจะปล่อยให้โอกาสมันหลุดมือไปง่ายๆกันเล่า หุหุ แต่ตอนนี้… เขาต้องมานั่งสอนเด็กเกรด 7 ที่เพิ่งเลิกเรียนไปเมื่อกี้นี้เนี่ยนะ! มันโทษใครไม่ได้มันต้องโทษไอโทนี่เพื่อนตัวแสบของเขาคนเดียวเลยโดดงานหน้าตาเฉย แถม ผอ.ยังยอมให้มันลางานกันง่ายๆอย่างนี้เนี่ยนะ มันไม่ยุติธรรม! ขายาวพาตนเดินมายังกลางสนามเซงๆ ใบหน้าหล่อที่มีเคราขี้นเล็กๆตัดกับสายตาสีฟ้าคม ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้ร่างกายที่สูงใหญ่นั่นดูหน้าเกรงขามขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว จากที่ดูโหดอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งโหด ยิ่งเพิ่มความป่าเถื่อนเข้าไปใหญ่ ผมสีทองสว่างเมื่อแสงอาทิตย์ยามเย็นกระทบทำให้เหมือนกับทุกอย่างหยุดนิ่งทันทีเมื่อมองมาธอร์ที่ยืนทำหน้าเซงเสียเต็มประดา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูดีจนครูหนุ่มๆในโรงเรียนถึงกลับอิจฉา เพราะไม่สามารถจีบครูสาวสวยหมวยอึ๋มได้สักคน เพราะพวกเธอหนะติดธอร์แจเรียกได้ว่าตามติดชีวิตธอร์ได้เลยหละหากพวกเธอไม่ติดสอนเด็กๆ

มือหนาจับนกหวีดสีแดงขึ้นมาจรดลงที่ริมฝีปากหนาสุดเร้าร้อนของตน ก่อนจะเป่าออกมาเป็นเสียงสัญญาณเรียกนักกีฬามารวมทีม แต่มันไม่มา…!!!

“นี่!!! พวกนายจะซ้อมกันไหมห๊ะ? นี่มันเลยเวลาซ้อมมาชั่วโมงกว่าแล้ว มัวอืดอาดอะไรกันอยู่อีก!” ร่างสูงยกมือขึ้นท้าวเอว แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากเพื่อระงับอารณ์ที่พุ่งปรี๊ดของตนยามมองเด็กหนุ่มที่สะดุ้งตกใจเสียงของตนเมื่อสักครู่ ไม่นานทั้งหมดก็เดินมารวมกันที่กลางสนามหน้าเขาช้าๆ ทุกคนก้มหน้านิ่งอย่างกลัวว่าธอร์จะยกใครคนใดคนหนึ่งมาทุ่มลงพื้นเพื่อระบายอารมณ์หรือป่าว

“มีอะไรทำไมถึงทำท่าทางเหมือนกลัวฉันขนาดนั้น?” ร่างสูงพูดน้ำเสียงให้มันดูปกติขึ้นยามเห็นทุกคนที่มีสั่นๆบ้างยามเข้าเหลือบไปมองสบตา ซึ่งตอนนี้ก็ดูผ่อนคลายกันเยอะขึ้นเมื่อเห็นเขาเริ่มเป็นปกติกว่าเมื่อครู่

“โถ่โค้ช! โค้ชทำหน้าอย่างกับหมีอดเนื้อ ใครมันจะไปกล้าตอบ” หัวหน้าทีมกล่าวอย่างอารมณ์ดีเพื่อให้ทุกคนดูดีขึ้นมาหน่อย จะได้เฮฮากันเหมือนทุกๆวัน

“นี่ๆๆน้อยๆหย่อยเถอะ เห็นฉันอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยหละก็เอาใหญ่เลยนะนาย” ธอร์ยื่นมือหนาออกไปตบบ่าเด็กหนุ่มเบาๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเพื่อให้ที่เหลือกลับมาเป็นปกติ และมีกำลังใจซ้อมมากขึ้น เขาไม่อยากให้ดูว่าเครียดเกินไปหรือว่าดูเล่นๆกันเกินไป เอาเป็นกลางๆดีกว่า เพื่อใครมีเรื่องอะไรก็มาแชร์มาเล่าสู่กันฟังก็ได้ จะได้ช่วยกันแก้ปัญหาตรงนั้น ทีมเราก็เหมือนพี่ชายกับน้องชายนั่นหละ สนิทกันชนิดที่ว่าไปไหนไปกัน ขนาดธอร์หยุดงานหนึ่งวันเพื่อไปพักผ่อน พวกมันยังจะตามมากันอีกโดยให้เหตุผลง่ายๆว่า ‘เหตุโค้ชหยุด เลยหยุดบ้าง’ นั่นหละวันต่อมามันก็โดนโทนี่เพื่อนเขาตียกทีม ข้อหาที่โทนี่คิดว่าพวกมันโดนเรียนวิชาของโทนี่ เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งหัวเราะ ฮ่าๆๆ คิดแล้วยังขำอยู่เลยนะเนี่ยขำท่าโทนี่มันตีด้วย โอยยย… ตัวมันก็เล็กไม้มันก็ไม่ได้เข้ากับขนาดไม้เลย -..-

“ฮ่าๆๆ เอ่อ! โค้ชครับ ผมมีเรื่องจะมาบอก ผอ.ให้เด็กเกรด7เอามันมาให้โค้ชเมื่อสองชั่วโมงก่อน” นักเรียนคนหนึ่งหยิบกระดาษแผ่นสีขาวที่ถูพับลวกๆออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนมันจะถูกยื่นมาให้เขา มือหนายื่นมารับกระดาษแผ่นนั้นไปแล้วคลี่มันออกมาอ่านตาคมกวาดสายตาอ่านไปทีละบรรทัดช้าๆ ก่อนที่รอยยิ้มที่เคยมีจะเปลี่ยนเป็นเม้มแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ที่สุด มือหนาขย่ำแผ่นกระดาษจนเป็นก้อนกลม

“เอ่อ… โค้ชเขาบอกว่ายังไงบ้าง?” เด็กหนุ่มหัวหน้าทีมถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

“เขาบอกว่าให้เราหยุดซ้อมไปเดือนนึง เพราะว่าทางโรงเรียนต้องการจะจัดสวนรอบๆสนามใหม่เพื่อรอต้อนรับคณะกรรมการที่จะมาประเมินโรงเรียน”

“แค่จัดสวนเนี่ยนะเดือนนึง!!!” ทุกคนตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมๆกันทันทีที่ธอร์พูดจบทุกคนตอนนี้ก็มีสีหน้าไม่ต่างอะไรกับธอร์มากนัก มันก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่นี่ถึงกับงดใช้สนามตั้งเดือนนึง พวกเขากำลังจะมีการแข่งขันในอีกสองเดือนข้างหน้า ตัวจริงยังไม่ครบเลยนี่มันมีเวลาอีกเดือนเดียวนั่นก็ถือว่า ความละเอียดอ่อนในการเลือกคนก็ต้องถูกตัดออกไปอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้!

ธอร์ไม่ยอมแน่ๆในเรื่องนี้เขาต้องไปคุยกับ ผอ.ให้รู้เรื่อง คิดพลางรีบเดินไปหาเจ้านายตนแทบจะทันที ส่วนพวกที่เหลือก็รีบเก็บของวิ่งตามธอร์ไป ถ้าหากมีมวยจะได้ห้ามทัน

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

หลังจากที่ฟังแผนการทำงานคร่าวๆแล้วร่างบางเลยกะว่าจะขอตัวไปดูพื้นที่รอบๆสนามสักหน่อยเพื่อว่าหากขาดหรือต้องการจะเพิ่มอะไรจะได้วาดลงในแบบเลย

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นผมก็คงต้องขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะครับ” ปากบางเอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะลุกขึ้นยืนจับมือกับอีกฝ่ายที่เป็นผู้ว่าจ้างเขามาทำสวนที่นี่ ซึ่งเจ้าตัวให้เวลาเขาจัดสวนถึงหนึ่งเดือน งานนี้โลกิก็คงต้องแสดงฝีมือกันหน่อยหละนะ

“โอเคครับ ขอบคุณ คุณโลกิมากๆเลยนะครับที่ยอมรับงานของทางเรา” ชายกลางคนพูดพลางส่งยิ้มกว้างมาให้เขา สายตาที่ส่งมาให้มีแต่แววยินดี และขอบคุณเขาจนเขาทำอะไรไม่ถูก ก็ได้แต่ยิ้มเขินๆไปให้

“ยินดีมากๆเลยหละครับ ที่จริงผมรับทุกงานที่เข้ามานะครับ แต่ต้องดูตารางคิวของทางร้านเราด้วย เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด” โลกิยิ้มกว้างก่อนจะเอื้อมมือเรียวไปจับมือชายตรงหน้าเบาๆเพื่อขอลากลับ แต่ยังไม่ทันจะได้จับมือเสียงเปิดประตูดังโครมก็แทรกเข้ามาเสียก่อน

“ลุง!!! ทำแบบนี้ได้ยังไง ลุงก็รู้ว่าเด็กต้องซ้อม” ชายตัวสูงท่าทางเอาเรื่องยืนจ้องหน้าเขาเขม็ง ใช่… จ้องเขาแต่พูดกับใครอีกคนที่อยู่ในห้องไง!

“นี่ๆๆ เบาๆเสียงลงหน่อย ก็แค่จัดสวนให้มันดูดีขึ้นเดือนเดียวยังไม่รู้เลยว่าจะเสร็จทันไหม” พูดออกมาได้ไงว่าจะเสร็จทันไหม ไอลุงบ้านี่ ต้องการจะทดสอบความอดทนของเขาหรือไง แต่เขาก็ไม่สนเขารู้ว่าที่ลุงของเขาพูดออกมาอย่างนี้คงเป็นเพราะร่างบางตรงหน้าแน่ๆ แต่…หุ่นแบบนี้ ผิวขาวๆแบบนี้? คงไม่ใช่คนที่จะมาจัดสวนหรอกใช่ไหม ถ้าใช่สิบเดือนก็ไม่เสร็จ ออกจะผู้ดีอังกฤษสะขนาดนั้น ดูผิวขาวๆนั่นสิอย่างกับพวกคุณหนู อีกฝ่ายท่าทางคงกลัวการออกแดดมากหละสิท่า เหอะ

“เพราะนายใช่ไหมที่พูดกรอกหูลุงฉันให้จัดการทำเรื่องสวนนั่นตั้งเดือนนึง!” ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ร่างบางตรงหน้าก่อนจะจับข้อมือเรียวทั้งสองข้างแล้วดึงเข้ามาจนอีกฝ่ายเซลงมาซบบนแผงอกแกร่งของเขา ผมสีดำยาวระต้นคอของคนตัวบางมันช่าง… หอมยั่วใจ

“ปล่อยนะ! นายทำบ้าอะไรของนาย” ร่างบางพยายามสะบัดแขนให้ออกจากการจับกุมของอีกฝ่าย แต่มันกับยิ่งรัดแน่นขึ้นเมื่ออีกฝ่ายดูท่าจะไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่ๆ หากยังไม่เคลียเรื่องนี้ให้จบ และมันก็เป็นอย่างที่คิดเมื่ออีกฝ่ายพูดมันออกมาจริงๆ

“ไม่ปล่อยแน่หากเรายังคุยกันไม่รู้เรื่องสุดสวย”

To Be Con… เอามาเสริฟคนอ่าน ชอบกันไหมเอ่ย ถ้าชอบ -..- เม้นต์บอกหน่อยจิ (ส่งสายตาวิ๊งๆ)

SF : HIDDLESWORTH I Love Coffee Past.7 [END]

Standard

SF : HIDDLEWORTH

Story : I Love Coffee 7 [END]

Pairing : Chris Hemsworth x Tom Hiddleston

ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจิตนาการของผู้แต่ง

ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ตัวละครเสื่อมเสียใดๆทั้งสิ้น

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะครับผม!

 

wordpress : https://hiddlesworthnutty.wordpress.com

 

Twitter : https://twitter.com/Hiddleworth_nut

ร่างบางเดินไปจนทั่วทุกซอกทุกมุมของตึกสูง 48 ชั้นตึกนี้ เพื่อหาคนตัวสูงที่แอบไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ถามใครก็ไม่มีใครยอมบอกกันเลย แบบนี้มันน่าไล่ออกไปหางานใหม่กันเลยดีไหม ทอมคิดในใจอย่างหัวเสีย วันนี้นอกจากจะมาทำงานสายแล้ว เจ้าตัวโตยังไม่เคลียคดีเก่าที่แอบไปดื่มเหล้าแล้วเมาแอ๋กลับมาเมื่อวันก่อน มันน่าจับอัดยัดลงโอ่งจริงๆ!

“อ๊ะ เลียมครับ!” ร่างบางหันไปเจอเข้ากลับร่างสูงโปร่งของเฮมส์เวิธร์คนน้องที่เดินย่องๆราวกับหลบอะไรอยู่แหนะ หวังว่าคงไม่ได้กำลังหลบหน้าเขาเพื่อช่วยไอพี่ชายตัวดีอยู่หรอกนะ ขอบอกไว้ก่อนเลยถ้าช่วย จะจับยัดลงโอ่งไปเป็นเพื่อนอีหมีหื่นนั่นอีกคน

“ค ครับผมพี่สะใภ้!” ตายหละตรู คิดไว้แล้วว่าต้องมาปะกันจนได้ เลียมค่อยๆหันหลังไปเผชิญหน้ากับว่าที่พี่สะใภ้ช้าๆ พยายามทำหน้าให้เป็นปกติที่สุด เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้โดยเด็ดขาดว่าเขานี่แหละที่เป็นคนเอาไอพี่ชายตัวดีไปซ่อนไว้เอง แต่ที่ช่วยเนี่ยช่วยในทางที่ดีนะจะบอกให้ แล้วมันก็เป็นเรื่องดีของพี่สะใภ้อีกต่างหาก อยากรู้ว่าเรื่องอะไรไว้รอถามไอพี่หน้าแก่ของเขาเองแล้วกัน! ตอนนี้ขอเอาตัวรอดปลอดภัยครบ 32ก่อน เห็นพี่ทอมตัวเล็กๆบอบบางแบบนี้ ขอบอกนะครับ นี่เทควันโดสายดำ -..-

“เห็นคริสบ้างไหมครับ หายไปไหนไม่รู้ตั้งแต่เช้าเลย” ทอมถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาเหนื่อยแล้วจริงๆนะ นี่เล่นเดินตามหามาทีละชั้นทีละชั้นก็ไม่เจอวี่แววของคนตัวโตเลย ขาบางที่เริ่มจะอ่อนยวบทุกครั้งที่เดินนี่มันก็เป็นตัวบ่งบอกอยู่แล้วว่าเขาไม่ไหว คงต้องหาที่นั่งพักสักหน่อยแล้วไม่งั้นมีหวังต้องให้คนมาพาเขากลับบ้านไปแหงๆ

“ไม่เห็นเลยครับ!” ตอบเร็วแบบนี้ ฉิบแล้วตรู สายตากลมโตสีเขียวรีบตวัดหันมาสบตาเขา เล่นเอาเสียวสันหลังวาบกันเลยแบบนี้ แต่ก็เสหลบไปคงเพราะไม่คิดว่าเขาจะโกหกหรอก แหะๆ เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้แหะ เอ๊ะ ทำไมยืนขาสั่นแบบนั้นหละ

“นี่พี่สะใภ้หาตัวไอ… พี่คริสนานยังครับ?” เลียมเกือบจะหลุดปากพูดออกคำบางคำออกไปสะแล้ว แบบนั้นมันคงดูไม่ดีแน่ๆ ยังไงเขาก็ต้องรักษาภาพพจน์อันหล่อเหลาของเขาเอาไว้ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกและหลานต่อไป

“ตั้งแต่แปดโมงแล้วหละครับ เลยมาสายเลยวันนี้ แหะๆ” ทอมเกาท้ายทอยแก้เก้ออย่างที่ทำจนมันติดเป็นนิสัย

“แปดโมง!!! นี่มันจะบ่ายแล้วนะครับ ข้าวทานหรือยังพี่สะใภ้!!!” เลียมถึงกับอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินนี่ไอพี่บ้าของเขามันจะทรมานเมียไปทำไมว่ะ พาไปหาที่นั่งก่อนเลย มือหนาของเลียมเอื้อมออกไปจับมือบางนุ่มนิ่มนั่นให้เดินตามมายังด้านหลังที่มีสวนหย่อมเล็กๆให้นั่งพัก ถึงทอมจะรู้สึกงงงวยกับอาการแปลกๆของเลียมแต่ก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร ก็เลยตามเลยละนะ และเมื่อมาถึง ทอมเป็นคนแรกที่เดินไปหาที่นั่งแล้วเลียมจึงค่อยเดินมานั่งลงตาม

“ทานอะไรมาหรือยังครับ” เลียมเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง ถ้าเป็นแบบนี้รู้งี้เขาไม่เอาด้วยดีกว่า เห็นแล้วสงสารพี่สะใภ้ แต่มันก็ดีตรงที่ได้แต๊ะอั๋งไง มันได้กำไรเว่อร์ เห็นแบบนี้แล้วก็อิจฉาพี่ชายตัวเอง ไหนจะก้นกลมๆเด้งๆนั่นอีก มันน่าอิจฉา!!! แถมตัวก็นิ่มน่ากอดชะมัด!

“ยังเลยครับก็ตั้งแต่เช้านู่นและ แหะๆ” เลียมส่ายหน้าไปมาเบาๆ ก่อนจะยื่นถุงใส่เบอร์เกอร์ให้ทอมซึ่งเจ้าตัวไปซื้อมาจากชั้นสามของตึกนี่เมื่อสักครู่ แล้วก็กะจะขึ้นมารายงานข่าวให้ไอพี่ตัวดี แต่ดันมาปะกับพี่สะใภ้สุดสวยสะก่อน คนตัวเล็กส่ายหัวปฏิเสธเลียมรัวๆ และดันมือใหญ่นั่นกลับไป

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเจอตัวคริสเมื่อไหร่ก็กะจะไปทานอาหารกันอยู่แล้วละครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ” ทอมยิ้มกว้างออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายดูสบายใจขึ้น เขายังไม่ได้กินก็จริง แต่อีกฝ่ายก็คงจะยังไม่ได้กินมาเหมือนกัน เพราะถุงเบอร์เกอร์ยังอุ่นๆอยู่เลยสงสัยคงเพิ่งซื้อมาได้ไม่นานเท่าไหร่

ทอมไม่ค่อยได้เจอเลียมเท่าไหร่นัก เนื่องจากว่าตารางงานของคริสที่ยุ่งจนหัวหมุน และตารางงานของลียมที่ไม่ตรงกันซักวันนั่นก็แทบจะไม่ได้เห็นหน้ากันเลยก็ว่าได้ จะมีได้เห็นกันบ้างก็ตอนที่มาทานข้าวเย็นที่บ้านใหญ่นั่นละ เลยได้คุยกันบ้างนิดหน่อย คุยกันเรื่องนู้นเรื่องนี้บ้างก็เพิ่งมารู้ว่าเลียมเป็นแฟนคลับของหนังสือเขา ซึ่งมันเป็นอะไรที่บังเอิญมาก คืนนั้นเราเลยคุยกันยาวจนคริสต้องมาอุ้มเขาขึ้นไปนอน นึกโกรธคนตัวโตอยู่เหมือนกัน ทำบ้าอะไรก็ไม่รู้คนเขากำลังคุยกันสนุกๆแท้ บู้ว!

“ไปทานข้าวด้วยกันไหมครับ ไปเยอะๆสนุกดี” ทอมเอ่ยถามเลียมทันที เพราะว่านี่ก็จะถึงเวลาเลิกงานของคนตัวสูงแล้วถ้าพาเลียมไปด้วยคงสนุกกันมากขึ้นแน่ๆ

“ไม่ดีกว่าครับ ฮ่าๆๆ ผมไม่อยากเป็น กขค. คู่รักสุดฮอต และอีกอย่างตอนนี้ผมก็ต้องรีบไปเคลัยงานแล้วด้วย ยังไงก็นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนนะครับ แล้วค่อยตามหาพี่คริส รายนั้นคงอาจจะ…” เลียมมองไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ที่ด้านหลังนั่นคือคริส ที่ยืนหลบรอโอกาสมาหาทอมซึ่งเขาเป็นคนหาที่ซ่อนเอง ดีไหมหละ ตรงนั้นแดดดีมากเลยนะขอบอก ไม่แน่คริสอาจจะมีผิวสีแทนเลยก็ได้ ฮ่าๆๆๆ

“อาจจะ… อยู่แถวๆนี้ก็ได้มั้งครับ ฮ่าๆๆ งั้นผมขอตัวนะครับ” เมื่อกล่าวลาจบเลียมก็แทบจะวิ่งออกมาจากตรงนั้นเลยก็ว่าได้ มือหนาล้วงลงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบเอาโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาแนบหูซึ่งมันเป็นสัญญาณบอกให้คริสที่หลบอยู่หลังต้นไม้ ว่าให้ออกมาได้แล้วนั่นเอง ภารกิจนี้ขึ้นอยู่ที่ไอพี่คริสคนเดียว ถ้านายทำไม่ได้ ฉันจะขอแทนนายเอง!

ร่างบางนั่งรับลมเย็นๆที่พัดมาเรื่อยๆอย่างไม่ต้องกลัวแสงแดดที่ส่องกระทบผิว เพราะว่ามันไม่ได้ร้อนเลย เขาชอบบรรยากาศแบบนี้จริงๆ อยากให้คนตัวโตมานั่งอยู่ด้วยจัง อ้อนให้อีกฝ่ายกอดตัวเขาไว้แน่นๆ หรือไม่ก็แกล้งให้อีกฝ่ายได้ออกกำลังกายบ้าง เพราะสวนนี้ก็กว้างอยู่พอตัวถึงมันจะอยู่บนตึกสูงก็ตาม คนตัวโตน่าจะมาวิ่งที่นี่บ้าง ช่วงนี้ดูอีกฝ่ายลงพุงยังไงๆชอบกล ไม่รู้ไปกินอะไรมาน้ำหนักถึงได้ขึ้นพรวด และพุงที่ยื่นอกมานิดๆนั่นอีก

“ทอมครับ…” เสียงทุ้มดังขึ้นที่ข้างหูทำเอาร่างบางที่นั่งเหม่อคิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงกับสะดุ้งตกใจยกใหญ่ เรียกเสียงหัวเราะจากคนตัวโตที่ยืนมองเหตุการณ์ได้ไม่อยากเลย ร่างบางหันสายตาดุๆนั่นไปมองคนตัวโตทันที ก่อนจะลุกเดินหนีอีกฝ่ายไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นั้นแทนตอนแรกในใจคิดว่าถ้าเจอคนตัวสูงเมื่อไหร่จะเดินเข้ามากอดคนตัวสูงให้หายคิดถึงซักทีแรงๆ ก็อยากจะทำอย่างที่ในใจคิดไว้นะ แต่… ก็ช่วยไม่ได้นี่ มาทำเขาตกใจทำไมหละ แถมยังมาหัวเราะอีก ชิ!

“ไม่งอนนะๆ” คนตัวโตรีบวิ่งไปดึงคนตัวเล็กที่เดินหน้าตั้งไม่รอเขาเข้ามากอดแรงๆเป็นการไถ่โทษตามแบบฉบับเขา ก้มหน้าไปหอมแก้มนุ่มๆนั่นแรงๆจนมันกลายเป็นสีชมพูน่ารักอย่างที่เขาหวังไว้

“หายไปไหนมาครับ รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงคุณมากแค่ไหนคริส ทีหลังมีธุระอะไรเร่งด่วย หรือกะทันหันก็โทรมาบอกกันก่อนก็ได้ แบบนี้เล่นเอาผมเป็นห่วงแทบจะเป็นบ้าเลยรู้ไหม ถ้าหากคุณเป็นอะไรขึ้นมาผมจะรู้ได้ยังไง ถามใครๆเขาก็ตอบเหมือนกันหมดว่าไม่เห็นหน้าคุณเลย ผมเป็นห่วงคุณแค่ไหนรู้ไหมคริส!” ร่างบางโผเข้ากอดคนตัวโตแน่นๆอย่างโหยหา ถึงจะเจอหน้ากันทุกวันแต่แบบนี้มันก็ไม่ดีนะ ที่คนตัวโตไปไหนมาไหนโดยไม่บอกเขา ถ้าหากมีอันตรายอะไรเกิดขึ้นมากระทันหัน เขาจะทำยังไง… ถามใครก็ไม่มีใครรู้หรือเห็นหน้าคริสเลย ตอนนี้ทางบริษัทเรากำลังไปได้ดีและติดอันดับบริษัทที่ดีที่สุดในประเทศไปแล้ว คู่แข่งมันก็ต้องมี และบางทีคริสอาจจะโดนซุ่มยิงก็ได้ เขาเห็นข่าวแบบนี้มาก็เยอะ และยิ่งเป็นคนตัวโตนี่ก็ยิ่งน่าห่วงเพราะอีกฝ่ายไม่ค่อยระวังตัว

“ผมก็รอคุณอยู่ที่นี่แหละ” ร่างสูงตอบกลับร่างบางไปเบาๆราวเสียงกระซิบที่ดังขึ้นข้างๆหู มือหนากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเมื่อคนตัวเล็กที่เริ่มจะออกอาการงอแงแบบที่เขาเคยเห็นมันมาบ่อยๆเมื่อปีก่อน เขาไม่อยากเห็นทอมร้องไห้ไม่วาจะในโอกาสอะไร เขาอยากเห็นแค่รอยยิ้มสวยๆจากอีกฝายเท่านั้น รอยยิ้มที่ทั้งสดใส จริงใจ ไม่ลวงหลอกเหมือนคนอื่นๆที่คริสไปเจอมา ทอมเปลี่ยนโลกของเขาไปในทางที่ดีขึ้นจนเขานึกประหลาดใจกับตัวเอง ใครก็ไม่สามารถมาเปลี่ยนตัวเขาได้ นอกจากตัวเขาเอง แต่ตอนนี้มันทำให้ความคิดเขาเปลี่ยน เพราะแท้จริงแล้ว คนที่เปลี่ยนตัวเขานั้น … คือทอม

“วันนี้ผมมีอะไรจะให้คุณด้วยนะที่รัก หันไปทางนั้นหน่อย” ร่างสูงจับคนตัวเล็กให้หันหน้าออกไปทางที่มีตึกเยอะๆนั่น

“มีแต่ตึกนี่ครับ ไม่เห็นมีอะไรเลย” ทอมเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวสูงที่ยืนกอดเอวเขาอยู่ข้างหลัง นึกแปลกใจจริงๆทีคนตัวสูงพูดอะไรแปลกออกมา ไม่แปลกก็บ้าแล้ว ให้เขามามองตึกทื่อๆน่าเบื่อๆนี่หนะหรอ สู้เสมามองข้างๆตัวที่มีดอกกุหลาบสีแดงบานสวยๆนี่ไม่ดีกว่าหรือไง

“ดูก่อนสิไอแสบแล้วค่อยบ่น” ร่างสูงเอื้อมมือขึ้นมาจับเข้าที่ใบหน้ากลมก่อนจะบังคับให้มันหันไปมองที่ทิวทัศน์เบื้องหน้าอย่างเดิม

ร่างบางเริ่มออกอาการเบื่อนิดๆกับคนตัวโตที่ให้เขามองแต่ตึก… เอ๊ะ!

“นั่นมัน…?” คนตัวเล็กพูดออกมาเบาๆเมื่อสังเกตเห็นลูกโป่งสีแดงที่รอยขึ้นมาจากข้างล่าง น่าจะเป็นหน้าตึกแน่ๆ คนตัวโตคิดจะทำอะไรหนะ

“ดูต่อไปนะคนดี” คริสยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะกระชับกอดเอวบางนั่นแน่นขึ้น สายตาก็ยังคงจับจ้องที่ร่างบาง เห็นรอยยิ้มเล็กๆที่เริ่มคลี่ออกกว้างมากขึ้น

ลูกโป่งหลากสีสันถูกปล่อยขึ้นมาจากพื้นท้องถนนที่วิวตรงนี้มองเห็นซึ่งถนนทั้งหมดตอนนี้ถูกบดบังไปด้วยลูกโป่งแทน มันทั้งสวยและดูแปลกใจสำหรับเขามาก มันน่าทึ่งและตื่นเต้นอย่างกับได้ของขวัญชิ้นแรกอะไรทำนองนั้น ร่างเล็กวิ่งไปเกาะราวระเบียงแก้วนั่นเบาๆกวาดสายตามองไปจนทั่วทุกมุมของถนนที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของลูกโป่ง

“ชอบไหมหละไอแสบ” คนตัวโตถามพลางเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ยิ่งเห็นรอยยิ้มนั่นเขาก็ยิ่งมีความสุข คิดไม่ผิดเลยที่จะขอแต่งงานด้วยวิธีแบบนี้

“โอ๊ะ ดูสิคริส ตรงนั้นมีตัวอักษรเขียนว่าอะไรก็ไม่รู้!”

นิ้วเรียวเล็กชี้ไปยังมุมซ้ายสุดของถนน มันเขียนว่า…

“Will?” ร่างบางเอียงคนเล็กๆอย่างงงๆ มันจะมาเป็นคำแค่นี้หรือว่าจะมีต่อกันแน่ๆนะ คิดแล้วเลยชะโงกลงไปดูที่หน้าตึกข้างล่างนั่น และมันก็ทำเอาดวงตากลมโตสีเขียวนั่นเบิกกว้าง คนนับแสนที่มายินถือลูกโป่งมันทำเอาเขาถึงกับทำอะไรไม่ถูก นี่ฝีมือคนตัวโตใช่ไหม…

“นั่นมันมีอีกแล้วดูสิ!” เขาทำเสียงให้มันดูตื่นเต้นขึ้นเพื่อเรียกความสนใจจากร่างบางที่กำลังมองผู้คนที่เขาจ้างมานั่นให้มาสนใจสิ่งที่เขาชี้ให้ดูแทน

คนตัวเล็กมองตามนิ้วของคนตัวโตที่ชี้มาอีกฝั่งของถนน ซึ่งมันก็ถูกเขียนไว้ว่า You

“You? Will You?” คนตัวเล็กเอาคำสองคำมารวมกันก่อนจะขมวดคิ้วเป็นผมเพราะแก้โจทย์ยังไม่ออก

“หึหึ ยังมีอีกนะ” จบคำร่างสูงก็มีป้ายขนาดให้ลอยขึ้นมาโดยใช่ลูกโป่งเป็นตัวทำให้มันลอยขึ้น มันถูกเขียนด้วยตัวอักษรสีแดง และมันก็เขียนว่า Marry me

“Marry me? อ๋อ!!! ผมแก้ปริศนานี้ออกแล้วเขาถามว่า! Will you marry me?!!!” ร่างบางตอบออกมาอย่างตื่นเต้นและหันไปหาคนตัวสูงที่ตอนนี้กับนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นโดนที่มือขวาถือกล่องกำมะหยี่สีแดงไว้ถึงจะไม่ได้เปิดฝากล่องออกแต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ซื่อจนไม่รู้ว่าของที่อยู่ข้างในเป็นอะไร คริสยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนตัวเล็กที่ทำหน้าตาตกใจ ราวกับเห็นเขาเป็นเทพธอร์สุดหล่อ มือบางเลื่อนขึ้นมาปิดปากตัวเองแน่นก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มันไม่ได้เสร้า แต่มันเป็นน้ำตาแห่งความสุข…

“ว่ายังไงหละ คุณจะแต่งงานกับผมไหมครับคุณนายเฮมส์เวิธร์” คริสถามย้ำอีกครั้ง แต่แทนที่จะได้คำตอบกับได้อ้อมกอดจากคนตัวเล็กแทน

“จะให้ตอบว่าอะไรได้หละครับ ฮึก..”

“แล้วตกลงตอบว่าอะไรละครับ” คริสถามยิ้มๆก่อนจะช้อนตัวคนตัวเล็กขึ้นมาอุ้มไว้ อยากจะพาเข้าหอเต็มแก่ -..- แต่มันก็รวบรัดขั้นตอนเกินไปนี่เนอะ

“ตกลง…” ร่างเล็กตอบงุบงิบเบาๆราวกับพูดกับตนเอง แต่กับคนที่รอฟังคำตอบอยู่กับได้ยินมันชัดเจนทุกคำที่อีกฝ่ายพูด ร่างสูงร้องเฮออกมาอย่างดีใจเสียยกใหญ่

“ผมรักคุณที่สุดเลยทอม!!!”

“ผมรักคุณมากว่านะคริส!!!” ร่างเล็กตะโกนตรอกกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ก่อนที่อะไรๆจะทำให้ร่างบางลืมเรื่องๆนึงไป จึงได้เอ่ยถามก่อน…

“ที่รัก เรายังไม่เคลียเรื่องที่คุณเมาแอ๋กลับมานะครับ”

 

 

 

 

 

 

The End !!!!!!  จบแบบสวยๆ -..- ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงเจ็ดตอนนะครับ และก็อยากขอให้ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆทุกๆเรื่องทุกๆตอนทุกๆคู่เลยนะครับ ขอบคุณจริงๆนะครับ ขอบคุณจากหัวใจดวงน้อยๆเลย แล้วก็ปีใหม่ขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรงและร่ำรวยเงินทองกันทุกๆคนเลยนะครับ และ Nutty Hiddlesworth ก็จะส่งผลงานออกมาให้ชมกันเรื่อยๆ และดียิ่งๆขึ้นไปให้คนผู้อ่านทุกๆคนได้รับครบทุกรสชาติกันนะครับ! รักทุกคน และรักมากๆเลยนะครับ โดยเฉพาะคอมเม้นต์นี่ ยิ่งรักกำลังเก้าเลยครับ -..-

SF : HIDDLESWORTH I Love Coffee Past.6

Standard

SF : HIDDLEWORTH

Story : I Love Coffee 6

Pairing : Chris Hemsworth x Tom Hiddleston

ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจิตนาการของผู้แต่ง

ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ตัวละครเสื่อมเสียใดๆทั้งสิ้น

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะครับผม!

 

wordpress : https://hiddlesworthnutty.wordpress.com

 

Twitter : https://twitter.com/Hiddleworth_nut

ในที่สุดแล้ว เราก็ไม่ได้ไปเที่ยวกันที่ไหนไกลเลย ก็บ้านเขาเองนั่นหละนะ ในใจก็อยากจะพาสุดสวยไปที่อื่น แต่มันก็ดันติดปัญหานู่นนี่นั่นของสินค้าที่กำลังจะมาส่งนิดหน่อย ทอมเลยบอกว่าหยุดคราวนี้ไม่ต้องเที่ยวฉลองกันที่บ้านนี่แหละ แถมยังทิ้งท้ายอีกประโยค ทำเอาคริสถึงกับหงอยลงเลย ก็เจ้าตัวเล็กพูดว่า ‘นี่เป็นบทเรียนสำหรับคุณประธานที่เก่งแสนจะเก่ง ช่างประจวบเหมาะเจาะสะจริงนะกลับตารางการส่งของที่จะมาถึงอีกสองวันข้างหน้า! ทำไมคุณไม่ดูอะไรให้ดีก่อนจะตัดสินใจบ้าง วันนี้นอนโซฟาไปเลยนะครับ!’ เขาก็เลยทำได้แค่นั่งนิ่งๆอย่างทำอะไรไม่ได้ อยากจะหอมอยากจะกอดก็ทำไม่ได้ เพราะทอมทั้งโมโหทั้งงอนหนักขนาดนี้ เฮ้อ… คนหล่อกลุ้ม

“วันนี้พนักงานมากันแต่เช้าเลยนะครับ สงสัยคงได้หยุดกันเต็มที่มีแรงกันนี่ เต็มร้อยแน่ๆเลย” ทอมที่เดินเข้ามาในห้องคริสพูดทักขึ้น เมื่อเห็นคนตัวสูงยังคงนั่งเซ็นเอกสารอยู่ และไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองเขา ซึ่งถ้าเป็นปกติ คงเข้ามาหอมเข้ามากอด แต่วันนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น วันนี้เจ้าตัวโตของเขาดูแปลกไป ดูนิ่งๆ แถมยังใบหน้าคมที่ขมวดคิ้วเป็นปมนั่นอีก มีอะไรรึป่าวนะ?…

“วันนี้ไปทานข้าวกลางวันกันไหมสุดหล่อ” คนตัวเล็กรีบเดินมานั่งปุ๊กลงที่ตักแกร่งทันทีก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหน้าคมของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา และส่งยิ้มหวานไปให้อีกฝ่ายด้วย เพื่ออีกฝ่ายที่กำลังเครียด จะได้มีกำลังใจขึ้นมาบ้าง ถึงจะช่วยไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่มันก็ทำให้อีกฝ่ายพอรู้ได้บ้างว่าตอนนี้เขาเป็นห่วงมากนะ…

“หึหึ วันนี้มาสะอ้อนเชียวนะเจ้าแมวซ่า” คริสเอื้อมมือขึ้นมาโอบเอวบางที่อยู่บนตักไว้หลวมๆ ตาคมสบดวงตาสีเขียวนั่นนิ่ง ดูก็รู้ว่าทอมเป็นห่วงเขามากแค่ไหน ถึงปากเล็กน่าจูบนั่นจะยิ้มออกมา แต่ภายในใจของอีกฝ่ายจริงๆ ตอนนี้คงกำลังเม้มปากแน่นและตาสีสวยที่คลอน้ำตานิดๆนั่นอีก ทอมไม่อยากเห็นเขาเครียด เรียกว่าเจ้าตัวเกลียดมันมากๆเลยดีกว่า มีอยู่ตอนหนึ่งประมาณช่วงแรกๆที่เราทั้งสองคนคบกัน ทอมร้องไห้ตลอดเลยเวลาที่เห็นเขาทำหน้าเครียด เขาไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะมันก็ต้องมีบ้างที่เครียดกับหุ้นที่มันตกลงนิดๆ แต่ถึงอย่างนั้นเมียก็ยังสำคัญกว่า ทอมเป็นคนที่ห่วงตัวเขามากกว่าเขาเองเสียอีก ทั้งอาหารการกิน เสื้อผ้าอะไรต่างนาๆ เจ้าตัวเล็กก็เป็นคนทำให้เขาทั้งนั้น แม้แต่อะไรก็ตามที่มันเล็กๆน้อยๆที่เขามองข้ามไป เจ้าตัวก็ทำมันให้เขา ช่างเป็นคนที่น่ารักและหาได้ยากยิ่ง อีกอย่างทอมเป็นคนที่อ่อนไหวง่ายมาก ง่ายจริงๆนะ -..-

“นะๆๆ” หัวโตๆของทอมซุกลงเข้าหาแผ่นอกกว้าง ก่อนจะใช้หน้าถูไปๆมาๆกับมันเพื่ออ้อนคนตัวโตให้ไปทานอาหารกลางวันด้วย มือบางยังคงโอบรอบคอคนตัวโตไว้แน่นกันตกลงไปนั่งกับพื้น แต่ถึงไม่โอบก็ไม่ตกหรอก เพราะยังมีมือหนาของคริสที่คอยโอบกอดเอวบางไว้อยู่แล้ว และมันก็ติดหนึบไม่หลุดออกง่ายๆแน่นอน ทอมรับประกัน – –

“อ่า… จะเอายังไงดีน๊า วันนี้แบตหมดสะด้วยสิ” พูดออกไปแกล้งอีกฝ่ายเล่นๆเท่านั้นและ อ้อนขนาดนี้ใครที่ไหนจะไม่ไปก็บ้าแล้ว ฮ่าๆๆ

“งั้นผมชาร์ตให้นะ” ทอมเลื่อนหน้ามาหาร่างสูงช้าๆ บรรจงประทับริมฝีปากบางๆนั่นลงบนปากหยักเบาๆก่อนที่ผ่ายคนตัวโตจะขยับนั่งดีๆเพื่อให้จูบคนตัวเล็กให้มากขึ้น ชาร์ตแบตให้เต็มถังสะหน่อย ถึงทอมจะรู้สึกเขิน แต่ก็ไม่ได้เท่าแต่ก่อนตอนนี้ทอมเลยทำใจให้ชินกับคนตัวโตได้มากพอควรแล้ว ไม่นานปากหยักก็ผละออกมาช้าๆ แต่ก็ยังคงคลอเคลียอยู่ใกล้ๆปากบางสีชมพูนั่นอยู่

“เครื่องชาร์ตแบตแบบนี้คงมีรุ่นเดียวในโลกใช่ไหมที่รัก”

“ไม่ต้องมาแซวเลยนะครับ ไปทานข้าวกันได้เล่า!” แก้มใสขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารัก มือบางจับมือหนามากุมไว้ก่อนจะออกแรงดึงคนตัวโตให้ลุกขึ้น แล้วพาออกไปนอกห้อง เป้าหมายคิร้านอาหารเล็กๆที่คนตัวเล็กชอบแวะไปกินบ่อยๆ

“ร้านนี้ผมชอบมาทานบ่อยๆ ชวนคุณมาทีไรไม่เคยจะมาเป็นเพื่อนกันหรอก” ร่างเล็กบ่นออกมาทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้สีขาวสวย ดูภายนอกแล้วร้านดูธรรมดามากๆ แต่พอลองเดินเข้ามามันต่างกันลิบลับเลยละ ไหนจะการตกแต่งของร้านที่ออกแนวเรียบหรู ขนาดเก้าอี้ที่เขานั่งเนี่ย ยังดูดีกว่าร้านห้าดาวทั้งหลายที่คนตัวโตพาเขาไปทานมาสะอีก ทั้งนุ่มทั้งดูดี เขาละชอบจริงๆ ไม่ต้องอลังการ แต่ก็ได้บรรยากาศ แถมยังไม่วุ่นวายเพราะมีดอกไม้นานาพันธุ์ให้ดูชมค่าเวลารออาหารอีกด้วย เหมาะกับเขามากๆเลยหละแบบนี้ ฮ่าๆๆ

“ไม่ต้องมาบ่นเลยคุณนายเฮมส์เวิธร์ คุณต่างหากที่หนีผมออกมาก่อน ตอนนั้นผมกำลังแต่งตัวอยู่แท้ๆ ถ้าหากคุณรอสักห้านาที รับรองเลยว่าผมต้องแต่งตัวทันและมาทานมื้อเย็นพร้อมคุณแน่นอน” ร่างสูงขำออกมาเบาๆกับร่างบางที่แก้มใสๆนั่นพองขึ้นเล็กน้อยอย่างน่ารัก เขาละชอบจริงๆที่คนตัวเล็กแสดงอาการที่เรียกว่า ‘เผลอ’ ออกมายามที่เราทะเลาะกันในเรื่องเล็กๆที่ไม่ถึงกับรุนแรงและก็จะเป็นอีกฝ่ายที่เถียงไม่ได้ก็เลยได้แต่ส่งแก้มพองๆนั่นมายังเขาแทน

“อย่างอนสิคนสวยเดี๋ยวปล้ำนะ” ร่างสูงพูดพลางเอื้อมมือทั้งสองข้างไปบีบแก้มนุ่มนั่นอย่างเบามือ ก่อนจะรีบชักกลับเมื่อคนตัวเล็กทำท่าจะกัดมือเขา เกือบแล้วคริส – -“

“ชิ สั่งอาหารไปเลยครับ!” ทอมยื่นเมนูที่รับจากพนักงานมาในตอนแรกยื่นให้คนตัวสูงอ่าน ตอนแรกก็นึกอยากจะสั่งอาหารที่อร่อยๆเป็นเมนูน่าลองสำหรับร้านนี้ให้ แต่เห็นแบบนี้ สั่งไปเองเลย !

“ไม่คิดจะสั่งให้กันหน่อยหรอครับ ไหนๆคุณก็มาทานร้านนี้ออกจะบ่อย” มือหนาเลื่อนมากอบกุมมือบางที่วางอยู่บนโต๊ะไว้อย่างถะนุถนอม ปากหนายกยิ้มนิดๆเมื่อเห็นคนตัวเล็กนั่งอมยิ้มหวานส่งมาให้เขา คงหายงอนเขาแล้วแน่ๆ หึหึ พี่คริสสะอย่าง

“สั่ง-เอง-นะ-ครับ” พูดชัดๆและเน้นๆให้คนตัวโตได้ฟัง ก่อนจะดึงมือกลับมาเปิดเมนูอาหารอ่านไปเรื่อยๆ

“เอ่อ… รับอะไรดีครับ?” พนักงานหนุ่มน้อยน่ารักถามขึ้นพลางมองคู่รักสลับกันไปมาอย่างรอคำตอบ ก่อนจะเป็นทอมที่หันมายิ้มให้แล้วสั่งรายการอาหารออกมายาวปรี๊ด จนคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถึงกับอ้าปากค้าง ตรูไม่คิดว่าเมียตรูจะกินเก่งขนาดนี้ นี่ถ้าเขาสั่งคงทานไม่หมดแน่ๆเลย คริสเหลือบไปมองพนักงานตัวน้อยที่จดมือเป็นระวิง เห็นแล้วก็สงสารนิดๆนะ

“เท่านี้และครับ ขอบคุณนะครับ” ทอมยิ้มกว้างส่งไปให้พนักงาน

“ไม่เป็นไรครับ อีกสิบนาทีอาหารจะมาเสริฟนะครับคุณนายเฮมส์เวิธร์” พนักงานยิ้มกว้างให้ทอมและหันไปยิ้มให้คริสอย่างมีความสุข ก็นะเขาหนะเอฟซีคู่นี้นะจะบอกให้เขาเห็นคุณคริสตามมาดูคุณทอมทุกๆครั้งที่คุณทอมมานั่งทานอาหารคนเดียวนั่นและ เห็นแล้วโรแมนติกชะมัดเลย!

เมื่อพ้นหลังไวๆของพนักงานไปแล้วคริสแทบจะระเบิดเสียงหัวเราะสุดอลังการออกมาสักรอบสองรอบ พูดโดนใจพี่เลยน้อง เดี๋ยวมีทิป เดี๋ยวมีทิป! ตาคมสีฟ้ายังคงนั่งจ้องคนตัวเล็กตาไม่กระพริบ โดยที่อีกฝ่ายก็ยังคงนั่งก้มหน้าเอาเล่มเมนูน่ารำคาญลูกตานั่นมาบังใบหน้าสวยไว้เพื่อซ่อนใบหน้าแดงๆไว้อีก

“เฮ้ ทอมคุณเป็นอะไรหรือป่าว?” คริสถามออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่ในใจหนะอยากจะขำกับคนตัวเล็กที่ยังไม่ชินกับคำที่ทุกเรียกเสียที น่าจับตีก้นชะมัดเลย! แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ อาหารจานเด็ดก็ถูกยกมาวางลงที่โต๊ะเสียก่อน อดแกล้งเมียเลยตรู

“อาหารที่สั่งครบทุกรายการนะครับ งั้นผมขอตัวนะครับ” พนักงานตัวเล็กคนเดิมพูดทันทีเมื่ออาหารมาเสริฟลงบนโต๊ะครบหมดแล้วก่อนที่จะเดินกลับไปทำงานอย่างอื่นต่อ คริสได้แต่อ้าปากค้างอีกรอบกับอาหารมากหน้าหลายตาที่คนตัวเล็กสั่ง ทั้งไก่งวง และอะไรต่างๆนานาที่คนตัวโตอย่างคริสเห็นแล้วยังอิ่มแทน

“มั่นใจหรอว่าจะกินหมด?” คริสถามออกไปในที่สุด ก็อดไม่ได้นี่ ไม่อยากให้เมียตรูอ้วน เดี๋ยวใส่ชุดแต่งงานไม่ได้นี่ไปตัดชุดไว้แล้วนะ อุ๊ปส์! เขาไม่ได้พูดอะไรออกไปใช่ไหม

“ก็… ที่สั่งมาทั้งหมดคุณทานทั้งนั้นหละครับ ฮ่าๆๆ” คนตัวเล็กขำก๊ากทันทีที่เห็นหน้าคนตัวสูงถึงกับเหวอ มันน่าขำจริงๆนะ

“ล ล้อเล่น?”

“เรื่องจริงครับ ของผมแค่สลัดผักกับมันบดเอง” คริสกลืนน้ำลายลงคนอย่างยากลำบาก นี่มันแกล้งกันรึป่าวเนี่ย จะเอาคืนรึไงไอตัวแสบ

“ถ้าทานของบนโต๊ะไม่หมด คุณก็จะไม่ได้กอด จูบ หรือแตะต้องตัวผม สามเดือน”

“สามเดือน!!!” เท่านั้นและครับ ผมนี่รีบกินเชียว แบบนี้มันเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่คริสไม่สามารถยอมได้!!! งานนี้ถึงทอมจะรู้ว่ายังไงคนตัวสูงก็ต้องทำได้อยู่แล้ว แต่เขาก็ยังคงนั่งยิ้มเยาะเย้ยใส่อีกฝ่ายที่เคี้ยวไก่คำโตนั่นอีก ที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้อีกฝ่ายทานอาหารดีๆบ้าง ที่ผ่านมาคริสก็มัวแต่ยุ่งจนทานแต่เบอร์เกอร์ที่มันไม่มีประโยชน์ เฮ้อ… งานนี้อาจจะมีเจ็บเอวไปสามวันสามคืน แต่มันก็คุ้มไม่ใช่หรือ? ที่เราได้ดูแลคนที่เรารัก อิอิ

To Be Con… ตอนหน้าก็จบแล้วนะครับ -..-

SF : HIDDLESWORTH I Love Coffee Past.4

Standard

SF : HIDDLEWORTH

Story : I Love Coffee 4

Pairing : Chris Hemsworth x Tom Hiddleston

ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจิตนาการของผู้แต่ง

ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ตัวละครเสื่อมเสียใดๆทั้งสิ้น

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะครับผม!

 

wordpress : https://hiddlesworthnutty.wordpress.com

 

Twitter : https://twitter.com/Hiddleworth_nut

หลังจากวันนั้นที่เราทานมื้อค่ำด้วยกัน มันทำให้เราทั้งคู่รู้ว่าพวกเรานั้นเหมือนกันมากแค่ไหน ไม่ว่าจะอาหารการกินหรือนิสัยใจคอ ถึงบางอย่างอาจจะแตกต่างกันบ้างแต่ก็ส่วนน้อยเราทั้งสองสามารถปรับตัวเข้าหากันได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเราทั้งคู่รักกัน…

ตั้งแต่วันนั้นที่เราทั้งคู่เจอกันโดยบังเอิญในสวนสาธารณะ ผมที่ไม่ได้มองโลกอะไรเลยก็เดินไปชนเขาเข้า มันอาจจะฟังดูแล้วเหมือนผมบ้านะ แต่ครั้งแรกที่เจอผู้ชายคนนั้น เขาอายุราวๆเท่ากันกับผม และที่แตกต่างมากที่สุดเลยนะในสายตาอันเฉียบคมของผมที่มันผ่านโลกมาเยอะ ชายหนุ่มตรงหน้าที่จะให้ดูมันยังไงๆ มันก็ไม่น่าจะเป็นผู้ชาย หน้านี่หวานสะแบบน้ำผึ้ง น้ำตาล น้ำหวานเรียกพี่เลยเอ้า! ไหนจะยังดวงตาคู่กลมโตสีเขียวสวยคู่นั้นอีก มันสะกดเขาตั้งแต่ครั้งแรก และ… ตกหลุมรัก

หลังจากคืนนั้นที่เขาชวนผมไปกินของที่เกลียดที่สุดในชีวิต ยิ่งเกลียดยิ่งเจอมันจริงๆ นั่นคือกาแฟ ไม่ใช่ว่าเกลียดธรรมดานะ ไม่อยากจะมองหน้ามันเลยด้วยซ้ำ ผมไม่ชอบกลิ่น ไม่ชอบสี ไม่ชอบไอร้อนๆนั่น ไม่ชอบรสชาติมัน แต่คืนนั้น! ปากมันดันเผลอพูดออกไปชวนคนสวยตรงหน้าสะอย่างนั้น ตอนแรกก็อยากจะตบปากตัวเองซักร้อยที แต่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว คริส เฮมส์เวิทธ์ มีหรือจะยอมเสียโอกาสดีๆเหล่านี้ให้หลุดมือไปเพียงเพราะเหตุผลง่ายๆอย่างเกลียดกาแฟเข้าเส้นเลือดฝอย หึหึ ถ้ากินกาแฟแก้วเดียว แลกกับเมียสวยๆสักคน มันก็คุ้มไม่ใช่หรอ

ทอมแนะนำผมให้ดื่มทุกอย่างเท่าที่เจ้าตัวจะสรรหาได้มาให้เข้ากับคนอย่างผม ทอมเห็นผมเป็นคนดื่มกาแฟยากขนาดนั้นเชียวหรือไงกันเนี่ย = =

คืนนั้นมันทำให้ผมรู้อะไรมาหลายๆอย่าง ทั้งในความคิดเรื่องกาแฟที่เปลี่ยนไปราวเหวกับฟ้า ทอมชวนคุยนู่นนี่ไปเรื่อยโดนที่เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นใคร ผมเพียงแค่บอกชื่อและสถานที่ทำงานแค่นั้น แต่ไม่ได้บอกตำแหน่งและฐานะกับเขา ก็กลัวเขาจะไม่กล้าคุยด้วยนี่หว่า

ผมชวนอีกฝ่ายคุยเรื่องนู้นเรื่องนี่ไปเรื่อยเปื่อย ได้เห็นทุกแง่มุม และ… ท่าทางน่ารักๆของอีกฝ่ายอีกด้วย ผมบอกได้เลยว่าหลงทอมมาก มากถึงมากที่สุดเลย เขาทั้งอ่อนโยน และก้นฟิต

เมื่อท้องฟ้ามันเริ่มมืดมากแล้ว ผมเลยตัดสินใจไปส่งอีกฝ่ายที่บ้าน ก็แหม ก็ต้องรู้จักบ้านหน่อยสิเพื่อวันไหนงัดเข้าไปปล้ำสะเลย ฮ่าๆๆ อันนี้ล้อเล่นนะ อย่าคิดจริงคิดจังกันเล่า บ้านของทอมนั้นอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่จากร้านกาแฟ มันเป็นบ้านไม่ใหญ่ไม่เล็ก น่าอยู่กว่าบ้านเขาตั้งเยอะแหนะ อีกฝ่ายคงรักความสงบ และมีความเป็นส่วนตัวอยู่ไม่น้อยเลย เขาจำรายละเอียดของทอมได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะรูปร่างที่พอดีมือ หรือแม้แต่ท่าทางต่างๆที่อีกฝ่ายแสดงออกมาผมจำมันได้ทุกอย่าง…

เราทานดินเนอร์กันเกือบทุกวันหลังจากที่เจอกันวันนั้น เราเริ่มเข้าใจอะไรกันมากขึ้น และทอมก็รู้ความจริงว่าเขาเป็นใคร เพราะไอเลียมแท้ๆ เขากะจะบอกอีกฝ่ายในตอนที่จะขอคบกัน แต่ไอนี่มัน…เฮ้อ รู้ก่อนรู้หลังก็รู้เหมือนกันและนะ จนในที่สุด… เราก็รักกันมา สามปีแล้ว ทอมออกจากงาน และมาเป็นเมียเขา -..-

“คริสครับ? คริส! เฮ้! คริส!!!” เสียงเล็กตะโกนใส่หูของคนตัวโตที่นั่งยิ้มอยู่กับมือของตัวเอง อีกฝ่ายดูเหม่อๆและแอบยิ้มคนเดียวบ่อยๆในช่วงนี้ เครียดเรื่องงานมากไปหรือป่าวนะ?

“ค ครับผม!!!” คริสรีบเด้งตัวขึ้นมานั่งบนโซฟาตัวหนาดีๆแทบจะทันทีเมื่อได้ยินเสียงของทอมที่ตะโกนใส่หูเขา เล่นเอาขี้หูเต้นกระจายเลยนะเนี่ย คริสเงยหน้ามองคนตัวเล็กที่ยังคงอยู่ในชุดนอน เราทั้งคู่คบกันมาก็สามปีแล้ว เขาขอให้ทอมมาอยู่ด้วยเนื่องจากไม่อยากให้ทอมไกลหูไกลตา รู้ไหมว่าทอมเนี่ยเนื้อหอมแค่ไหน ทั้งหนุ่มทั้งสาวรุมจีบกันให้ทั่ว แต่อีกฝ่ายนี่สิ ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าโดนจีบ มันน่าจับกอดทั้งคืนจริงๆ

มือหนาเอื้อมไปดึงคนตัวบางให้ลงมานั่งบนตัก ก่อนจะกอดเอวไว้แน่นไม่ให้อีกฝ่ายวิ่งหนี หรืออาจจะต่อยเขาแบบคราวที่แล้ว นี่เล่นเอามึนเลยนะ – – คนตัวเล็กดิ้นไปมาอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงจะอยู่กันมาสามปี ทอมยังไม่ยอมให้เขาลุ่มล่ามเลยรู้ป่ะ T T คิดแล้วเครียด นายเป็นเมียฉันแล้วนะทอม!

“นายเป็นเมียฉันแล้วนะทอม”

“อะไรนะครับ?” ทอมเงี่ยหูฟังเสียงทุ้มที่พูดอยู่ข้างหลังเขา เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร แต่ที่แน่ๆต้องมีอะไรเกี่ยวกับเขาแน่นอน คนตัวเล็กหันหน้าไปมองอีกฝ่ายที่กอดเขาไม่ยอมปล่อย ถ้าหากหลุดออกไปได้นะ เขาจะต่อยให้สลบเลย ข้อหา… ทำให้เขาเขิน

“อ อ้อ! วันนี้ต้องไปดูเบียร์หนะ เผอิญมาเรียโทรมาบอกว่าวันนี้ของมาส่ง” แถๆไปก่อน ยังไม่อยากโดนต่อยก่อนจะได้กอดเมีย -..-

“แน่ใจนะครับ ผมว่าผมได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับผม?” คนตัวเล็กยังไม่ละความพยายามยังคงต้องการคำตอบที่แท้จริง เขารู้ว่าคริสโกหก และมันก็ไม่เนียนเอาสะเลย อีกฝ่ายคงลืมเพราะตารางงานของคริส และตารางการขนส่งทุกอย่างของทุกๆบริษัท เขาเป็นคนจัดการเองทั้งหมด คนตัวโตจะมาโกหกเขาแบบนี้ไม่เนียนมันเอาสะเลย แถมมันยังคิดผิดถนัดสะแล้วละไอหมีน้อย คิกๆ

“แน่นอนที่สุดเลยครับผม!” ตอบเสียงให้ดูเป็นปกติมากที่สุด ก่อนจะเลื่อนมือหนาไปตะปบบเข้าที่บั้นท้ายกลมน่าขย่ำนั่นของทอมแรงๆจนอีกฝ่ายสะดุ้ง แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนเหมือนทุกที

“อะแฮ่มๆ วันนี้ต้องไปประชุมเกี่ยวกับการรับสินค้าล็อตใหม่นะครับ ไปอาบน้ำและแต่งตัวให้เรียบร้อย” สั่งเรียบๆ

“ให้เลียมมันไปแทนก็ได้ เรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงมือฉันหรอกน่า” ยังไม่เอามือออกไปอีกนะไอหมี -//////-

“ไม่ได้นะครับ เป็นถึงท่านประธาน ไปอาบน้ำ!” ทอมพูดพลางฉุดกระชากลากถูอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำ ก่อนที่ตัวเขาจะถูกอุ้มขึ้นมาผาดบ่าแกร่ง

“หว๊าาาาาาาา! ท ทำอะไรครับ!”

“ก็ไปอาบน้ำไง ผัวเมียกัน ก็ต้องมีอาบน้ำด้วยกันบ้างไม่ถูกหรอครับ คุณโธมัส เฮมส์เวิธร์” คนตัวโตพูดยิ้มๆก่อนจะตีก้นงอนๆนั่นไปแรงๆสักทีข้อหาน่าหมั่นเขี้ยว

“ไอหมีบ้า ฉันไม่ได้ไปจนทะเบียนอะไรนั่นสักหน่อย!” คนตัวเล็กพูดแก้ตัว

“อ้าวยังหรอ งั้นเดี๋ยววันนี้ไปจดเลยแล้วกัน ฮ่าๆๆๆ” พูดจบก็รีบวิ่งขึ้นชั้นสองเข้าห้องน้ำทันที บางทีก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศ จากเตียง มาเป็นห้องน้ำน่าสนุกดีเนอะ -..- สักกี่ยกดีวันนี้สาม? ไม่ๆๆ สี่? อื้มมม… จนกว่าจะพรุ่งนี้แล้วกัน ฮ่าๆๆๆๆๆ

To Be Con..? OR THE END…? -..-

SF : HIDDLESWORTH I Love Coffee Past.5

Standard

SF : HIDDLEWORTH

Story : I Love Coffee 5

Pairing : Chris Hemsworth x Tom Hiddleston

ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจิตนาการของผู้แต่ง

ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ตัวละครเสื่อมเสียใดๆทั้งสิ้น

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะครับผม!

 

wordpress : https://hiddlesworthnutty.wordpress.com

 

Twitter : https://twitter.com/Hiddleworth_nut

วันนี้เป็นวันที่เขาและทอมรอมาตลอดทั้งอาทิตย์ของเดือนธันวาคม นั่นคือ… วันหยุด!!!

“คริส ผมคิดว่า คุณคงให้วันหยุดพนักงานมากเกินความเป็นจริงไปหรือป่าว?” ทอมมองออกไปยังประกาศหน้าห้องที่เจ้าตัวโตนั่นเป็นคนลงมือติดเอง ป้ายนั่นถูกเขียนไว้ด้วยตัวอักษรสีแดงที่มือพื้นหลังเป็นสีขาวเรียบๆ มันเป็นป้ายเบ้อเร่อที่บอกว่าหยุดงานปีใหม่สองอาทิตย์ สองอาทิตย์เชียวนะ! ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบหรอกนะที่จะมีวันหยุดงานเยอะๆแบบนี้ เขาเข้าใจหัวอกพนักงานดี เพราะเขาก็เคยเป็นพนักงานบริษัทหนึ่งมาก่อนหน้านี้ที่จะมาเจอกับคริส ซึ่งวันหยุดในเดือนธันวาคมราวๆใกล้ช่วงงานคริสมาสตร์ของทางบริษัทนั้น เขาก็ให้แค่วันเดียวเท่านั้น วันที่ 25 ธันวาคม – -” วันนั้นแหละคือวันหยุดของเขา

ถึงตอนนี้เขาอาจจะไม่ต้องทำงานและไม่ต้องมีวันหยุดเหมือนใครเขา เขาก็มีเงินมากองท่วมหัวแล้วด้วยความสามรถอันเพอร์เฟคของแฟนตัวโตของเขาเองที่เป็นคนหามาให้ใช้ แต่คิดๆดูแล้วถ้าหากวันหยุดมันเยอะแบบนี้ก็อาจจะเป็นปัญหากับทางบริษัทที่ร่วมหุ้นด้วยหรือป่าว? เขาหละนึกเป็นห่วงคนตัวสูงจริงๆที่ชอบทำอะไรไม่ปรึกษาเขา เรียกว่าทุกอย่างคริสจัดการเอง ใช่… และทุกอย่างก็จะออกมาพังหมดทุกทีสิน่า เรื่องเล็กๆน้อยๆคริสหนะเป็นคนไม่เก็บมาเอาเป็นปัญหา แต่ก็ใช่ว่าจะดีนะ ถ้าหากอีกฝ่ายคิดเล็กคิดน้อยหละ ตาหมีหื่นนี่นะ ไม่คิดหน้าคิดหลังเลยจริงๆ!

“ไม่หรอกน่าทอม พวกเขาทำงานกันมาก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ให้พักยาวๆบ้างมันก็ดีกับพวกเขาไม่ใช่หรือไง? คุณพูดออกจะบ่อย ให้พวกเขาทำงานกันเบาๆบ้างอย่าโหมงานหนัก คุณเป็นคนบอกให้ผมรับพนักงานเพิ่มเข้ามาเพื่อแบ่งงานกันทำ คุณเป็นคนบอกผมไม่ใช่หรือไง หื้ม? คนสวยของผม” คนตัวโตเดินมากอดแฟนสุดสวยของตนเบาๆ มองเสี้ยวหน้าอีกฝ่ายที่ยืนมองออกไปยังหน้าห้องอย่างนึกขำ อีกฝ่ายคงกำลังเป็นห่วงเขาแน่ๆเพราะทันทีที่อีกฝ่ายรู้ว่าเขาให้พนักงานหยุดสองอาทิตย์ เจ้าตัวก็รีบโทรไปยังอีกบริษัทที่ร่วมหุ้นด้วยทันที ถึงฝ่ายนั้นจะดูตกใจกับตารางวันหยุดย๊าวยาวของทางนี้แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าจะต่อว่าอะไร ทอมก็เลยมายืนทำหน้าเครียดกลัวว่าทางฝ่ายนั้นจะโกรธเอาจนถึงขั้นอาจจะถอนหุ้นที่ทำร่วมกันอยู่ออก หึหึ นี่แฟนตัวเล็กของเขาคิดการไกลมากเลยนะเนี่ย เขายังไม่คิดการไกลขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ ฮ่าๆๆ เรียกว่าไม่คิดอะไรเลยจะดีกว่า

“อื้ม… ผมก็เขาใจว่าพวกเขาคงเหนื่อย แต่ที่รัก…แล้ว บริษัทสตา-” เสียงหวานของทอมถูกขัดขึ้นด้วยเสียงโทรศัพท์ในห้องทำงานของคนตัวสูง คิ้วสีทองขมวดเข้าหากันอย่างงุงงง ก่อนจะต้องจำใจยอมปล่อยมือออกจากเอวบางที่จับไว้ในตอนแรกออกอย่างนึกเสียดาย ก็แหม… นานๆได้ลวนลามแฟนสุดสวยของเขาสักทีนี่น่า มือหนาเอื้อมไปหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูอย่างเหนื่อยใจ

“สวัสดีครับ ผมคริส เฮมส์เวิธร์เรียนสายครับ” ร่างสูงพูดออกไป ก่อนจะฉีกยิ้มบางๆออกมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงปลายสายกรอกกลับมา

“ผมโทนี่ สตาร์คนะครับ เมื่อสักครู่ที่ภรรยาคุณโทรมาหาทางเรา ผมเลยมีความคิดเห็นส่วนตัว ว่าเห็นด้วยกับวันหยุดของคุณอย่างแรง! และทางบริษัทเราก็จะขอหยุดด้วยเหมือนกันครับ”

“ทางคุณโทนี่จะขอหยุดด้วยงั้นหรือครับ? มันคงจะดีมากถ้าหากเราจะไปพักผ่อนด้วยกัน” ร่างสูงแกล้งพูดเสียงให้ดูน่าตกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นเจ้าแมวดำของเขายิ้มแก้มปริยามได้ยินเขาพูด น่ารัก… ที่สุด

“ฮ่าๆๆ ยินดีเลยครับผม แต่ก็คงต้องเป็นคราวหน้าและครับ เพราะผมจะพาสุดที่รักไปเที่ยวยาวๆกันหน่อย เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวด้วยกันเลย ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณนายเฮมส์เวิธร์ด้วยนะครับที่โทรมา ไม่อย่างนั้นทางบริษัทเราก็คงไม่กล้าหยุดเพราะกลัวจะเป็นปัญหากับคุณ และขอบคุณอีกครั้งที่ทำให้ผมมีเวลาสวีทกับสุดที่รักบ้าง ฮ่าๆๆๆ” ร่างสูงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะตอบกลับไปและกล่าวจบการสนทนาอย่างเป็นมารยาทอีกเหมือนเคย ไปเที่ยวด้วยกันงั้นหรอ เขากับทอมไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วนะ สองเดือน หรือ สามเดือน ทอมคงเบื่อ ถ้าหากได้ไปเที่ยวพักผ่อนกันบ้าง ทอมคงมีความสุขกว่าตอนนี้เป็นไหนๆ เจ้าตัวบ่นตลอดว่าอยากให้เขาพักผ่อน และอยู่ด้วยกันสองต่อสองบ้าง

“ว่ายังไงบ้างครับ ทางนั้นเขาไม่ได้ว่าอะไรใช่ไหม?” ทอมถามขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นมือหนาของคริสวางหูโทรศัพท์ลงกับที่ของมัน คริสส่งยิ้มกว้างมาให้เขาก่อนจะจับเขาเข้าไปกอดแรงๆ

“ไม่ได้ว่าแถมยังหยุดเหมือนเราอีกต่างหาก แต่…” เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูมีความสุขขนาดนั้น ก็เลยอยากจะแกล้งซักหน่อย

“แต่? แต่อะไรหรอครับ?” ทอมเงยหน้ามองคนตัวสูงแทบจะทันที นี่อย่าบอกนะว่าเขาจะถอนหุ้นนะ! และดูเหมือนร่างสูงจะอ่านสายตากลมโตนั่นออก…

“เขาบอกว่าจะถอนหุ้น…” ร่างสูงเริ่มแสร้งทำสีหน้าให้ดูลำบากใจจนมันน่าอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมปีนี้ต้องเป็นของเขาแน่นอน ตาคมแอบมองไปยังใบหน้าหวานที่ก้มหน้าอยู่ ทอมที่พยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมา คงเพราะกลัวเขาโกรธหรือไม่ก็อาจจะโทษตัวเองอยู่ก็ได้ ว่าตนเป็นคนผิดเอง

“เขาบอกว่าจะถอนหุ้น… ถ้าหากคุณไม่ไปเที่ยวกับผม” ร่างสูงยิ้มกว้างออกมาทันทีเมื่อคนตัวเล็กที่แทบจะประเคนหมัดรัวๆมาใส่เขาไม่หยุดนั่น ถึงมันจะดูน่ารักแทนน่ากลัวในสายตาเขาก็ตามที ทอมน่ารักเสมอไม่ว่าจะยามไหนๆ ทอมชอบทำให้เขาหายเครียดในเวลาที่เขาคิดมากหรือทำหน้าเหมือนหมีอดน้ำผึ้ง ทอมจะเข้ามาออดอ้อนหานู่นหานี่ให้ทาน เขารู้มาตลอดเวลาในระหว่างที่เราคบกันมาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้ ว่าทอมคอยเป็นห่วงเป็นใยเขาเสมอ ทุกๆที่ และทุกๆวินาที…

“ที่หลังอย่ามาพูดแบบนี้นะครับ ไม่งั้นอย่าหาว่าผมใจร้ายนะ!” ร่างบางยืนพิงกับโซฟาเพื่อพักเหนื่อย หลังจากที่วิ่งไล่ไอคนตัวโตที่ทำความผิด ข้อหาทำให้คนอย่างเขาเข้าใจผิด จนเมื่อกี้เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้วด้วยซ้ำ! แถมยังมีหน้ามาทำหน้าระลื่นอีก เดี๋ยววันนี้คอยดูเถอะ จะให้ไปนอนนอกห้อง ฮึ่ย!

“ฮ่าๆๆ อะไรกันที่รัก ก็แค่เล่นๆเอง ผมไม่อยากให้คุณเครียดคุณก็รู้ เฮ้ย!” ร่างสูงรีบพุ่งเข้าไปกอดคนตัวเล็กทันทีก่อนที่มือบางๆนั่นจะคว้าแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะไปได้ทัน ไม่อยากจะนึกภาพเล้ย ถ้าหากคว้าทันนะ… หัวเขาคงจะแตก และเลือดก็จะไหลหมดตัว แบบนี้มันไม่ดีแน่ เพราะเขาก็จะไม่ได้นอนกอดทอมหนะสิ ฮือออออออ… คิดแล้วสยอง นี่เมียหรือแม่ T T

“ปล่อยเลยนะครับ! ถ้าไม่ปล่อยคืนนี้นอนนอกบ้าน!” ทอมยื่นคำขาดทันที เพราะเขาทั้งตัวเล็ก และบางกว่าคนตัวโตนัก ยังไงๆก็คงสู้ด้วยกำลังไม่ได้ งั้นก็ต้องสู้มันด้วยคำพูดนี่เลยแล้วกัน เป็นนักเขียนที่มีวาจาเฉือดเฉือนอย่างเขาเนี่ย หาที่ไหนไม่ได้รู้ไหม มีที่นี่ที่เดียว โฮ๊ะๆๆ   -..-

“โธ่ที่รัก อย่าใจร้ายกับสามีที่น่ารักแบบนี้สิ” หน้าคมขยับเข้ามาซุกลงที่ซอกคอขาว ก่อนจะเปลี่ยนมาพรมจูบไปจนทั่วคอของทอมเป็นการง้องอนฉบับไอหมีหื่น – –

ทอมไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นนอกจากนั่งหน้าแดงอยู่บนขอบโซฟาโดยมีคนตัวสูงที่ยังคงพรมจูบอยู่ที่คอเขาไม่เว้นวินาที อายก็อายถึงจะอยู่กินกันมาสามปีแล้วแต่เขาก็ยังไม่ชินสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะตอนที่อีกฝ่ายเอาหน้าเข้ามาถูไถแก้มเขาเคราเล็กๆของอีกฝ่ายที่เจ้าตัวโตชอบไว้เล็กๆนั่นมันทำเอาเขาจั๊กจี้ มันเลยยังเขินอยู่ และดูเหมือนคริสก็จะรู้ด้วยว่าทำแล้วมันได้ผลกับเขาแค่ไหน

“ไปเที่ยวที่ไหนกันดีครับคุณคนสวย” หลังจากที่จูบจนพอใจแล้ว หน้าคมก็เงยขึ้นมามองหน้าของคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งก้มหน้าซ่อนแก้มแดงๆนั่นไว้อยู่ เห็นแล้วมันก็น่าจับมาจูบแรงๆสักทีสองทีแต่พี่หมีก็ต้องรอจังหวะก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะเสียของดีที่คิดไว้ ถ้าถามว่าอะไรหนะหรอ หึหึ ก็น่าจะรู้ๆกันอยู่นะของแบบเนี๊ยะ -..-

“แล้วแต่คุณสิ” ตอบงุบงิบตามฉบับคนเขิน มือหนาของคริสเอื้อมมาช้อนใต้ร่างบางๆของทอมอย่างเบามือ โดยที่ทอมไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ที่เรื่องปกติแบบนี้นี่เจ้าตัวเล็กความรู้สึกช้าชะมัดเลยแฮะ แต่ทำไม่พออยู่บนเตียงทีไรความรู้สึกไวชะมัด ราวเต่ากับกระต่ายเลย ฮ่าๆๆๆ

“อ๊ะ! ค คริส! ทำอะไรนะ!!!” ร่างบางร้องโวยวายลั่น เมื่อร่างสูงช้อนตัวร่างบางอุ้มขึ้นมาในท่าเจ้าสาว ทอมได้แต่โวยวายพลางหันหน้าหนีซ่อนแก้มแดงๆไว้ นี่กะจะให้เขาหน้าแดงไปถึงเมื่อไหร่กันห๊ะ อีตาบ้า!

“ก็ฝึกอุ้มเจ้าสาวก่อนเข้าหอไง ฝึกบ่อยๆจะได้ชิน ช่วงนี้คุณยิ่งกินเยอะอยู่น้ำหนักมันอาจจะไม่เหมือนตอนที่ผมอุ้มคุณเข้าห้องน้ำบ่อยๆ” คริสพูดยิ้มๆ

“ฝึกบ้าบออะไรกันครับ แบบนั้นมันมีที่ไหนกัน! แล้วผมก็ไม่ได้กินเยอะด้วย น้ำหนักผมเท่าเดิม!” ทอมเถียงทันทีที่คริสพูดจบ แถไปได้เรื่อยๆเลยนะไอหมี

“ก็ที่นี่ยังไงหละ” ร่างสูงอุ้มคนตัวบางมานั่งลงที่โต๊ะทำงานตัวโปรดของเขา ก่อนจะเข้าไปยืนแทรกกลางระหว่างขาบางทั้งสองข้างนั่น เลื่อนมือหนาไปลูบบนเอวบางเบาๆอย่างที่ชอบทำ เขาก็รู้ว่าทอมไม่ชอบให้ทำอะไรแบบนี้ในที่ทำงานหรือที่ไหน เรียกได้ว่า ถ้าทำที่บ้านท่าไหนทอมก็ไม่แคร์ แต่นี่มันข้างนอก มีแต่คนจ้องจะมาแอบมองแอบส่องนะสิ โดยเฉพาะแม่เลขาตัวดีเนี่ย ไม่พลาดซัดช็อต หรือพวกคุณว่าไม่ใช่กันหละ? แต่ถึงอย่างนั้น… คริสคนนี้ก็ขอข้ามข้อนั้นไปเพราะมันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ก้นเด้งๆของเมียตรูเท่านั้นเอง

“ตกลงว่า… เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีครับคนสวย” คริสถามทอมซ้ำอีกรอบ เขาอยากพาทอมไปเที่ยวรอบโลกเลยด้วยซ้ำแต่เวลามันก็จำกัดเกินไป เลยได้คิดแค่ว่า อาจจะไปเที่ยวเมืองไทยซักสิบกว่าวันแล้วค่อยกลับมา อยากให้ทอมเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง กลัวอีกฝ่ายจะเบื่อ เพราะตั้งแต่อีกฝ่ายลาออกจากงานที่ทำ เจ้าตัวก็อยู่แต่ที่บ้านนั่นและ ไม่ได้ออกไปไหนเลย นอกจากเขาจะฉุด กระชาก ลาก อีกฝ่ายไป นึกถึงตอนนั้นนี่เล่นเอาหอบเลยนะ เห็นตัวเล็กๆแบบนี่ ขอบอกแรงเยอะกว่าช้างอีก อันนั้นก็เว่อร์ไป – -“

“ผมเคยคิดไว้ว่าถ้าหากเรามีวันหยุดกันเมื่อไหร่ก็อยากจะไปที่ที่ เอ่อ…? อื้มมม อ้อ! อยากจะไปที่เมืองเล็กๆครับ เอาที่มีบ้านอยู่กลางทะเล และบรรยากาศก็สงบ ร่มรื่น รับกลิ่นอายจากธรรมชาติด้วยคุณจะได้พักผ่อนบ้าง” ร่างบางยิ้มกว้างออกมายามนึกถึงภาพบรรยากาศที่เขากำลังจะไป มันคงจะดีไม่ใช่น้อยเลย ได้พักผ่อนกับคนที่เรารัก มันช่างสุขใจยิ่งกว่าเอาของที่เราชอบมากที่สุดในโลกมากองเท่าภูเขาอยู่ตรงหน้าเราอีก…

“ผมคิดว่าผมมีอยู่ที่นึง…” มือหนาเลื่อนต่ำลงมาที่ก้นกลมของคนตัวเล็กออกแรงบีบมันเบาๆ หน้าคมเลื่อนไปคลอเคลียที่ริมฝีปากบางๆนั่น ตาคมเหลือบมองแขนเรียวที่ยกขึ้นมาโอบรอบคอเขา และหันกลับมามองอีกฝ่ายที่เจ้าตัวก้มลงมาจุ๊บที่ปากเขาเบาๆเหมือนให้รางวัลเด็กดีทำนองนั้น

“ที่ไหนครับ” ร่างบางถามยิ้มๆ เขาไปที่ไหนก็ได้ แค่ขอให้มีคนตัวสูงอยู่ข้างๆ แค่นั้นเขาก็มีความสุขที่สุดแล้วในปีใหม่ที่จะถึงนี้แล้ว

“ขอเก็บเป็นความลับแล้วกันนะครับที่รัก ตอนนี้ขอรางวัลให้พ่อหมีตัวโตให้ชื่นใจหน่อยนะ” พูดจบไม่ว่าเปล่า จับคนตัวเล็กที่กำลังจะอ้าปากเถียงมากดจูบแรงๆ

To Be Con… ใกล้จบแล้วนะครับ อิอิ

SF : HIDDLESWORTH : I Love Coffee Past.3

Standard

SF : HIDDLEWORTH

Story : I Love Coffee 3

Pairing : Chris Hemsworth x Tom Hiddleston

ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจิตนาการของผู้แต่ง

ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ตัวละครเสื่อมเสียใดๆทั้งสิ้น

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะครับผม!

 

wordpress : https://hiddlesworthnutty.wordpress.com

 

Twitter : https://twitter.com/Hiddleworth_nut

มือหนาจับหูแก้วทรงแปลกขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปาก ก่อนจะหยุดชะงักลงยามนึกถึงคนที่แนะนำกาแฟดีๆให้เขาดื่มในตอนนั้น เขายังคงจดจำรายละเอียดต่างๆได้ดี ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา สีผม สีตา และที่สำคัญที่สุด… จำทางไปบ้านของอีกฝ่ายได้ด้วย ก็นะเขาเป็นคนที่จำแม่นเสียด้วย นั่นถือเป็นข้อดีของเขาอย่างหนึ่งละนะ มือหนาที่กำลังจะทำหน้าที่ของมันต่อกับหยุดชะงักลงอีกครั้งเมื่อมีใครคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาหา และมันทำให้อารมณ์ของเขาบูดลงแทบจะทันที

“วันนี้มีเรื่องอะไรหละ ถึงได้ขึ้นมาหาฉัน?” เอ่ยถามออกไปเหมือนทุกที เพราะเขารู้ว่าถ้ามันไม่มีเรื่องอะไรที่หนักเกินตัวของไอพนักงานตัวสูงตรงหน้าเขาคนนี้ มันคงไม่ขึ้นมาเหยียบที่ห้องทำงานของเขาเป็นอันขาด รู้อะไรไหม? ขนาดเศษฝุ่นจากห้องทำงานของมัน ยังไม่เคยมาปลิวผ่านไปมาในห้องเขาเลย แถมมันยังจะเสียมารยาทเข้ามาในห้องของเขาโดยที่ไม่ยอมเคาะประตูแบบนี้อีก เป็นคนอื่นคงโดนไล่ออกไปแล้ว แต่ไอคนๆนี้มันเป็นข้อยกเว้นซึ่งมันก็มีแค่คนๆเดียวที่กล้าทำมารยาทง๊ามงามแบบนี้… มันเป็นน้องชายตัวแสบของเขาเอง

“น้องชายสุดหล่อจะคิดถึงพี่ชายหน้าหมีคนนี้ไม่ได้หรือไงกัน?” พูดพลางสาวเท้าเร็วๆเข้ามาหาพี่ชายตัวโตที่ยืน…? ดื่มกาแฟ!!!

“เฮ้!!! ฉันคงไม่ได้ตาฝาดใช่ไหมที่เห็นนายกำลังจะดื่มกาแฟ!”

ตาคมเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อในสายตาตัวเอง จะให้เชื่อได้ไง! ในเมื่อไอพี่ชายตัวดีของเขาไม่เคยแตะกาแฟสักยี่ห้อ แถมยังประกาศให้คนทั้งบริษัทรู้อีกว่าห้ามสั่งกาแฟมาให้เจ้าตัวดื่มไม่ว่าจะโอกาสอะไรก็ตาม ขนาดนัดคุยงานกับลูกค้าเจ้าตัวยังลงทุนเลี้ยงมื้ออาหารใหญ่ๆแทนการดื่มกาแฟแก้วสองแก้ว ไอพี่นี่มันแปลกคน = =

“ก็เห็นอยู่แล้วนายจะถามทำไม ไม่มีอะไรจะพูดหรือไง หรืออยากจะมากวนประสาทฉันเล่น ห๊ะ?”

คริสพูดพลางขมวดคิ้วหงุดหงิด เจอไอเลียมแต่เช้ามันต้องเซงจิตทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ ไอนี่มันเป็นตัวป่วนสำหรับเขาเลยนะจะบอกให้ แต่ถึงยังไงมันก็ยังเป็นน้องที่เชื่อฟัง นั่นก็คือข้อดีของมันที่ยังคงเหลืออยู่ถึงตอนนี้มันแทบจะไม่เหลือแล้วก็ตาม หึหึ

“เหอะๆ เห็นหน้าฉันทีไรนายก็พูดแบบนี้ตลอด ทำไม? ทนความหล่อของฉันไม่ไหวก็บอกมาเถอะน่า”

เลียมยิ้มกว้างจนเห็นฝันครบ 32 ซี่ รู้สึกดีใจเล็กๆที่สามารถกวนประสาทไอพี่ชายตัวดีนี่ได้ สังเกตได้จากติ้วที่เริ่มจะผูกกันเป็นโบว์นั่น เห็นแล้วมันขำดีนะ ไม่เชื่อลองนึกภาพหมีอดเนื้อดิ หงุดหงิด และโมโหร้ายน่ารักดีเนอะ หุหุ

“ถ้าจะมาพูดแค่นี้ก็กลับไปทำงานของนายสะ! อย่ามายั่วโมโหฉันเลียม ตอนนี้ฉันอารมณ์ดีๆอยู่ อย่ามาทำให้มันพังพินาศเพราะปากหมาๆของนาย”

คริสเดินหนีออกมาจากตรงที่เลียมยืนอยู่ ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งพลางยกแก้วกาแฟดื่มหมดในคราวเดียว ถ้าหากจะมาดื่มด่ำค่อยๆจิบทีหละนิด มีหวังอารมณ์เสียขว้างแก้วแตกอดกินกันพอดี – –

“เมื่อวานนายไปไหนมา อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนายนะ ว่าแอบไปส่งหนุ่มน้อยนั่นที่ไหนหนะ”

เลียมค่อยๆก้าวมาหาคริสช้าๆที่ตอนนี้หันมามองเขาด้วยแววตาตกใจปนสงสัยนิดๆ ตกใจหละสิว่าเลียมสุดหล่อคนนี้รู้ได้ยังไง ฮ่าๆๆ แอบพาสาวไปดินเนอร์ที่ร้านเล็กๆแถวนั้นพอดี เลยเห็นไอพี่ชายคนนี้ไปส่งหนุ่มน้อยน่ารักเข้า แต่ไม่เข้าใจว่าจะเดินมาทำไม ไอพี่บ้านี่มันมีรถเป็นร้อยๆคัน เรียกได้ว่า ชีวิตมันหรูมาก ไม่ยอมเดินบนพื้นถนนเลยแม้แต่ก้าวเดียวแต่ก็นะ… เราไม่เคยเห็นอีกด้านของท่านประธานนี่ จะไปมองด้านเดียวก็ไม่ถูกเนอะ มันต้องดูกันหลายๆด้านจริงไหม -..- และเมื่อนึกไปถึงตอนนั้นที่ชายหนุ่มตัวเล็กจะหันมาหาพี่ชายเขา มันช่างประจวบเหมาะเจาะเสียเหลือเกินกับรถที่ขับมาจอดบังตรงเขาไว้พอดี มันเลยทำให้ไม่เห็นหน้าชายหนุ่มน่ารักคนนั้นเลย!!! รู้สึกเสียดายแปป ไม่อย่างนั้นคงมีเรื่องล้อไอพี่หน้าหมีคนนี้ทั้งวันแน่ๆ มันคงเป็นอะไรที่สนุกปากมาก -..-

“นายพูดเรื่องอะไรของนาย ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรที่นายพูดเลยซักนิด กลับไปทำงานไปเลียม” พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดแล้วในตอนนี้ มือหนาหยิบเอาเอกสารที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาอ่านลวกๆแล้วลงมีเซนต์ในส่วนที่ถูกกำกับไว้ ตาคมตวัดไปหาอีกฝ่ายที่นั่งบนขอบโต๊ะทำงานของเขาแล้วกอดอกจ้องหน้าอย่างต้องการคำตอบมากกว่าคำแก้ตัว

“ไม่เนียนเลยนะพี่ชาย บอกมาไม่งั้นรู้ถึงหูพนักงานทุกบริษัทของเราแน่ๆ”

“ก็แค่ไปส่งเขากลับบ้านเฉยๆน่า ไปไหนก็ไปสะคนมันต้องการสมาธิในการทำงาน!”

“โอเคๆ งั้น…? ตั้งใจทำงานหละ อย่ามัวแต่คิดถึงหนุ่มน้อยน่ารักคนนั้น ฮ่าๆๆ!” พูดจบก็รีบวิ่งหลบตีนใหญ่ๆที่แทบจะประเคนมาอบู่บนหน้า เกือบไปๆ ดีนะที่ออกมาทัน

ปรึก!!!

แรงถีบมหาศาลที่ตรงบั้นท้าย ทำเอาเลียมที่ยืนอยู่หน้าห้องท่านประธานถึงกับเซถลาไปข้างหน้าจูบพื้นโดยอัตโนมัติ ทั้งเจ็บทั้งเสียคะแนนความหล่อในวันนี้ไป เพราะไอพี่บ้านี่แท้ๆ!!!

“ขอบคุณที่บอกนะเลียม ตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามีสมาธิในการทำงานมากขึ้นกว่าเก่าเลยหละ ตั้งใจทำงานนะ อย่ามัวแต่นอนหละ ฮ่าๆๆ”

คริสพูดพลางปิดประตูห้องทำงานของเขาลง ท่ามกลางสายตารอบข้างที่มองเลียมเป็นตาเดียว ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมากับท่าทางหล่อๆที่เขาจัดให้ จูบปากนิ่มๆของสาวไปเยอะ งั้นก็จูบปากแข็งๆของพื้นไปบ้างแล้วกัน สะใจคริส!!! สะใจคริส!!!!!

——————————————————————————————————————

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ร่างบางนั่งฟังประชุมพลางนึกอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่ใช่ว่าเบื่อหรอก แค่กำลังคิดอยู่ว่า วันนี้จะทำอาหารอะไรเป็นมื้อค่ำที่แสนพิเศษดี ก็นะ นานๆทีจะมีแขกมาทานมื้อค่ำที่บ้านนี่จะให้ทานอะไรธรรมดาๆที่ทำแปปเดียวเสร็จมันก็ดูไม่ดี ต้องทำอะไรที่เจ๋งๆสักหน่อย มือเรียวควงปากกาในมือไปมาพลางคิดเมนูอาหารที่ตนพอจะทำเป็นไปเรื่อยๆจนลืมไปแล้วว่าในห้องนี้กำลังประชุมกันอยู่

“จบการประชุม ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานกันต่อไปนะ”

เสียงหัวหน้าพูดจบ ทอมก็รีบเด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้แทบจะทันที มือเรียวเก็บของอย่างคล่องแคล่วแล้วรีบสาวเท้าออกจากห้องไปทันที โดยมีสายตาหลายคู่มองตามอย่างงงๆ

“นั่นโธมัสจะรีบไปไหนหนะ?”

พูดแกมาพร้อมกันทั้งห้องประชุม มันจะไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพราะจริงๆทอมจะต้องนั่งจดรายละเอียดในห้องนี้อีกเพื่อให้ตนเข้าใจมากขึ้น แถมเจ้าตัวยังบอกอีกนะ ว่าได้ต้นฉบับดีๆเยอะหลังจากที่ประชุมเสร็จ เพราะห้องมันได้บรรยากาศดีเอามากๆ คงสำหรับทอมคนเดียวหละนะ ใครจะบ้ามานั่งในห้องประชุม มันดูออกจะกดดัน = = แต่นี่กลับผิดคาดครับท่าน! ทอมออกจากห้องไปคนแรก พระเจ้า! นี่มันเรื่องใหญ่สำหรับบริษัทเลยนะเนี่ย!

“เฮ้ๆๆ! นายจะรีบไปไหนทอม ไม่อยู่เขียนต้นฉบับก่อนหรือไง?” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดเขาก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องทำงานไป

“ไม่หละ วันนี้ฉันมีนัดหนะ ฉันต้องไปแล้ว ไปก่อนนะ” พูดจบก็ส่งยิ้มกว้างไปให้อีกฝ่าย ขาเรียวรีบเดินออกไปอย่างรีบร้อน

เขามีนัดทานมื้อค่ำกับคนพิเศษนี่ ต้องทำตัวให้ดูดีก่อนที่เขาจะมาไม่ใช่หรอ ไหนจะต้องทำอาหารการกินอีก มันต้องเป็นค่ำคืนที่พิเศษสิ… เพื่อคริส

 

 

 

To Be Con…

SF : In the Love 1 : HIDDLEWORTH

Standard

SF : HIDDLEWORTH

Story : In the Love 1

Pairing : Chris Hemsworth x Tom Hiddleston

 

 

 

ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจิตนาการของผู้แต่ง

ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ตัวละครเสื่อมเสียใดๆทั้งสิ้น

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะครับผม!

 และสำหรับแฟนคลับของคู่ ThorKi Hiddlesworth Eric x Hal

 อย่าลืมสนับสนุนนักเขียนหน้าใหม่คนนี้ด้วยนะครับ ^3^

wordpress : https://hiddlesworthnutty.wordpress.com

 

Twitter : https://twitter.com/Hiddleworth_nut

 

‘ตกงาน… เอาเถอะ สองคำนี้ได้ยินจนชินไปแล้ว’

คริส เฮมสเวิร์ธ หนุ่มนักร้องกล้ามโตกำลังนั่งอยู่ริมถนนด้านหน้าผับที่ตอนนี้เปิดแสงไฟสีสวยหน้าร้านประชันกับร้านอื่นเพื่อเรียกลูกค้ากันเต็มที่ สาวนุ่งน้อยห่มน้อยก็เริ่มทยอยกันออกมาจากในร้าน ซึ่งมันเป็นแรงจูงใจลูกค้าให้เข้าร้านอีกอย่างหนึ่ง เห็นสาวๆสวยๆหุ่นดีมายืนให้เลือกแบบนี้ใครบ้างจะไม่อยากเข้า เจ้าตัวจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เขาเพิ่งมาทำงานได้ไม่ถึงอาทิตย์นึงด้วยซ้ำ กลับโดนไล่ออกซะอย่างนั้นเขาไม่เคยทะเลาะกับลูกค้านะ ไม่เลยซักคนเดียว และเขามั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าเสียงของเขาเพราะ จริงๆนะไม่ได้โม้ เคยมีแมวมองมาสอบถามเขาก็เยอะอยู่ ชวนไปออกเพลง ไปเป็นศิลปินกลุ่ม หรืออะไรต่างๆนาๆ เขาก็ปฏิเสธไปทันที ก็นะ… เขาชอบชีวิตปกติของเขาแบบนี้ ทำงานกลางคืน วันไหนทางร้านให้หยุดพักบ้างก็ออกไปใช้เงิน ท่องราตรีไปเรื่อย สนุกจะตายไป  แต่ทำไมเจ้าของร้านถึงต้องไล่เขาออกแบบนี้นี่มันร้านที่แปดในรอบสองเดือนของผู้ชายที่ชื่อ ‘คริส เฮมสเวิร์ธ’ แล้วนะที่ต้องหางานใหม่แถมเขายังมีแค่งานเดียวด้วยที่อยากทำ ถึงเขาจะจบมาด้านบริหารก็เถอะ ‘แต่เขาก็ยังไม่อยากจะละทิ้งชีวิตอิสระนี่’

มือหนายกขึ้นเสยเส้นผมสีทองยาวประบ่าของตนกลับขึ้นไปยังที่ของมัน ยิ่งคิดชายหนุ่มตัวโตก็ยิ่งกลุ้ม ยังดีที่เขามีบ้านให้อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้จะนอนที่ไหนแน่ๆ ถึงถ้าอาจจะมีจริงๆส่วนมากเขาก็คงต้องเช่าห้องอยู่ เพราะพวกนักร้องตามผับอย่างเขาคงไม่ค่อยอยู่เป็นที่เป็นทางซักเท่าไหร่ ต้องย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่ใกล้ที่ทำงานบ้าง บางคนไม่ได้รับงานแค่ร้านเดียวเสียหน่อย บางคนวันหนึ่งรับประมาณห้าร้านได้ถือว่าแม่งโคตรจะอึด เขาร้านเดียวก็จะแย่แล้วแต่เงินที่ได้ ‘ต่อวัน’ ก็สูงอยู่พอตัวไม่อย่างนั้นคงไม่พอยาไส้มาจนถึงทุกวันนี้แน่ๆ โดยเฉพาะคนอย่างเขา ‘ผู้ชายตัวโตอย่างกับหมีควายที่นั่งกลุ้มอยู่นี่’ แต่ถึงยังไงค่าใช้จ่ายมันก็สูงพอตัว ไหนจะค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าน้ำ-ค่าไฟ ก็พอๆกับมีบ้านหลังนึงนั่นแหละนะ  แต่ตอนนี้…

“ไม่มีงานแล้วจะเอาอะไรกินหละทีนี้!”

มือหนาเอื้อมไปจับสายกระเป๋าสีดำด้านที่ภายในบรรจุกีต้าร์ตัวเก่งของเขาขึ้นมาสะพายไว้ที่ด้านหลังนาบไปกับแผ่นหลังกว้าง สองขาแข็งแรงลุกขึ้นยืนทรงตัวซักพักเพื่อให้ร่างกายไม่เซล้มลงหน้าคะมำไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ตาคมเหลือบมองไปซ้ายทีขวาที ตอนนี้มันก็ดึกมากพอสมควร ส่วนมากเขาไม่ค่อยสนใจเวลาในช่วงนี้ซักเท่าไหร่หรอกนะ เพราะเขาจะเล่นดนตรีอยู่ด้านในไม่เคยออกมานอกร้านจนกว่าจะเช้ามืดนู่น ประมาณตีห้าครึ่งของทุกๆวันไม่ขาดไม่เกินไปกว่านั้น = =

เข้างานตอนสี่ทุ่มตรง เลิกงานตีห้า เคลียร์เงินเสร็จก็เบ็ดเสร็จตรงเวลาตีห้าครึ่งเป๊ะทุกวัน ได้วันละห้าพันเป็นอย่างต่ำ ก็นะ… คนมันมีหน้าตาเป็นอาวุธวันหนึ่งมีสาวๆเข้ามาที่ร้านเป็นพรวน ผู้ชายที่อยู่ด้านนอกก็เห็นประจวบเหมาะที่จะมาจีบสาวๆพอดีเลยเข้ามาซะหน่อยเป็นอย่างนี้ยอดของทางร้านที่แทบจะล้มละลายกับกลายเป็นสูงปรี๊ดดด! ชนิดที่ว่า… ตอนนี้สั่งเฟอร์นิเจอร์เป็นทองได้เลย ‘รวยแล้วถีบหัวส่งกันเห็นๆ’

ตอนนี้เป็นเวลา 23:00 น.

นอกจากจะไม่มีรถแล่นไปมาแล้ว คนที่ปกติจะเดินไปเดินมากันตอนนี้กับไม่มีซักราย มีก็แค่ผู้หญิงตามผับต่างๆที่ยืนรอรับแขกอยู่หน้าร้าน วันนี้มันเป็นวันอะไรนะทำไมถึงไม่มีคนพลุกพล่านกัน สายตาสีฟ้าคนตวัดหันไปหาสาวนางหนึ่งที่อยู่หน้าผับร้านฝั่งตรงข้าม เขายิ้มหล่อละลายส่งไปให้เธอ เธอมองมาทางเขาก่อนจะกระดิกนิ้วชี้ไปมาเป็นเชิงว่า ‘มามะสุดหล่อ วันนี้ฉันจะบริการให้ถึงใจเชียว’ เขาก็อยากจะเข้าไปหาเธอนะ แต่ตอนนี้พี่ไม่มีมันนี่ให้น้องเลยเพราะพี่ต้องเก็บมันไว้ประทังชีวิตจะมาใช้อะไรที่สิ้นเปลืองก็ไม่ดีซักเท่าไหร่ ‘ไว้คราวหน้านะน้องสาว พี่คริสจะจัดให้ถึงใจเชียว’ ร่างสูงใหญ่ตัดสินใจเดินเลี่ยงไปอีกทาง พยายามไม่สนใจเสียงต่อว่าจากเธอที่ดังมาเป็นระลอกราวกับเขาไปทำอะไรผิดมาตั้งมากมายอย่างนั้นและ! ขายาวพาตนมานั่งลงบนเก้าอี้สีขาวตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆบ่อน้ำในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งใจกลางเมือง มันรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยมานั่งในที่แบบนี้เลยซักครั้งจะว่าขี้เกียจหรืออะไรก็ช่าง แต่พอได้มานั่งจริงๆ มันทำให้รู้สึกร่างกายเราผ่อนคลาย ทั้งสายลมเย็นๆที่พัดมามันทำให้เขาลืมเรื่องที่กลุ้มใจไปปลิดทิ้ง มือหนาจับสายสะพายออกมาจากตัวก่อนจะเอื้อมไปเอากีต้าร์วางลงข้างตัวดีๆ

“คงต้องหางานใหม่ทำแล้วหละสิ ฉันคงต้องเอานายกลับเข้ากรุแล้วหละเพื่อนยาก” ตาคมหันไปมองที่กีต้าร์เล็กน้อย ปากหยักระบายยิ้มบางๆ คริสเป็นคนที่ชอบเล่นดนตรีมากกว่าสิ่งใดในโลก อาจจะชอบมากกว่าสาวๆสวยๆด้วยซึ่งข้อนี้เจ้าตัวก็ขอยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำ

ตาคมหันไปมองรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าที่นี่ไม่มีคนอยู่เลย ‘ก็แน่หละ นี่มันก็ดึกมากแล้วคงไม่มีคนบ้าที่ไหนมานั่งเล่นให้ยุงกัดจนเป็นไข้เลือดออกหรอก = = ’

เขาอยากจะเล่นกีต้าร์แก้เครียดอีกซักหน่อย คงจะดีไม่น้อยถ้าไม่มีใครเห็นถึงเขาจะร้องเพลงตามผับ เปิดหน้าเปิดตาให้คนในร้านเห็นกันทั่วหน้า แต่ถ้าเอาเข้าจริงๆหละก็ เขาชอบเล่นกีต้าร์และร้องเพลงคนเดียวมากกว่า ฟังเอง ชอบเอง มันก็ยังดีกว่ามานั่งร้อง ยืนร้อง ให้คนอื่นมาวิจารณ์ตัวเขา บางทีเขาก็ได้ยินที่ลูกค้าผู้ชายบางคนพูดนะมันทำให้เขาหัวเสียมากจนไม่อยากจะทำอะไรเลยก็ว่าได้ ‘ตอนนั้นดีไม่ลงไปตบกระบาลซักฉาด แต่ก็อีกนะ… กลัวไม่มีงานทำไง’

ยังดีที่สวนสาธารณะแห่งนี้ไม่มีเวลาปิด ที่นี่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากที่คริสเดินผ่านสวนสาธารณะแห่งนี้ไปๆมาๆบ่อย ก็เห็นข้อดีของมันก็วันนี้แหละ ส่วนมากจะเห็นว่ามันน่าเบื่อมาก คนนั้นนอนจู๋จี๋กับแฟนสาว คนนู่นนั่งอ่านหนังสือ น่าเบื่อจะตายไปภาพแบบนี้ = =

ทางสวนสาธารณะจะใช้กล้องวีดีโอวงจรปิดที่ซ่อนเอาไว้ทุกๆที่ในการมองทุกๆบริเวณ ขนาดคนแคะขี้มูกยังเห็น อยากรู้ใช่ไหมว่ารู้ได้ยังไง? -..- คริสมีเพื่อนเป็นผู้รักษาความปลอดภัยของสวนสาธารณะแห่งนี้ มันทำให้เขารู้อะไรหลายๆอย่าง บางทีไอเพื่อนตัวแสบมันก็มักจะเอ่ยชวนเขามานั่งเล่นที่นี่บ่อยๆ และเขาก็รีบบอกปฏิเสธมันบ่อยๆเหมือนกัน เรียกว่า ‘แทบจะทุกครั้งเถอะ’ เคยพูดกับตัวเองเสมอมาเลยนะว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่เด็ดขาด  แต่… ตอนนี้เขาก็เข้ามาในที่แห่งนี้แล้ว มันไม่ได้ดูน่าเบื่ออย่างที่เขามองมันทุกๆวัน ไม่ต้องคิดเลยว่ามันจะสวยขนาดไหนในตอนกลางวัน กลางคืนยังตกแต่งไฟสะสวยขนาดนี้ กลางวันคงสวยอีกร้อยเท่าพันเท่า เพิ่งเห็นของดีของที่นี่ก็วันนี้แหละ

มือหนาเอื้อมไปรูดซิปกระเป๋าข้างตัวให้เปิดออก ก่อนจะหยิบกีต้าร์สีดำเงาตัวโปรดออกมาตั้งท่าเตรียมขยับนิ้วแกร่งลงบนเส้นสีเงิน ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเพื่อรวบรวมสติในการเล่น

นิ้วแกร่งขยับไปมาอย่างคล่องแคล่ว ปากหยักเริ่มเอ่ยคำร้องออกมาเมื่อถึงท่อนที่ต้องร้องเพลง คริสร้องเพลงไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักเบื่อ ทั้งช้าบ้างเร็วบ้างสนุกบ้างเศร้าบ้าง ตามอารมณ์ของคนร้องไปเรื่อยๆอย่างมีที่สิ้นสุด อารมณ์ที่เคยบูด เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆอย่างกับคนก่อนหน้านี้กับตอนนี้เป็นคนละคนกันอย่างไรอย่างนั้น

.

มือเรียวเอื้อมมือหยิบหนังสือเล่มสุดท้ายขึ้นมาจากพื้นหญ้าที่ตนเองนั่งตั้งแต่สี่โมงเย็นเขาดันเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อย เลยมาตื่นเอาป่านนี้เขาก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมาเผลอหลับในที่แบบนี้ แถมนานเอาการเสียด้วย เฮ้อ… ถ้าปิดเทอมคราวนี้สงสัยต้องบอก ผอ. ลาหยุดซักเดือนซะแล้วสิเนี่ย ‘ทอม ฮิตเดิลสตัน’

ข้อมือบางถูกยกขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา ดวงตาสีมรกตสวยเพ่งมองหน้าปัดนาฬิกาสีเงินเรือนโปรดของตน ยังดีที่ยังพอมีแสงไฟจากเสาไฟข้างๆพอส่องให้เห็นบ้าง ‘นอนนานขนาดนั้นเชียวหรือเรา..’ ตากลมโตเบิกกว้างเข้าไปอีก นี่เพลียขนาดนี้เชียวหรือเรา ปากบางยกยิ้มขำกับการกระทำของตนเอง

ร่างบางลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเป้สีน้ำตาลข้างตัวที่ภายในบรรจุไปด้วยหนังสือขึ้นบ่า มือเรียวข้างหนึ่งถือหนังสือเล่มหนาที่ตอนแรกเจ้าตัววางไว้ข้างๆขนาดหลับไป ขาเรียวพาตัวเองเดินไปยังประตูทางออก แต่หูเจ้ากรรมดันได้ยินเสียงทุ้มนุ่มน่าฟังกำลังร้องเพลงอยู่ที่ไหนซักแห่งของที่นี่ ขาเรียวหยุดชะงักลงในทันที ในตอนแรกก็คิดอยู่ว่าตนอาจจะหูฝาด ‘คงไม่มีคนบ้าที่ไหนมานั่งร้องเพลงในตอนกลางคืนดึกๆดื่นๆแบบนี้หรอก’ ขาเรียวที่กำลังจะก้าวขาออกไปอีกครั้งกลับหยุดชะงักจนเจ้าตัวแทบล้มหน้าคะมำ เฮ้อ! นี่ตกลงร่างกายใครมันเป็นคนสั่งการกันแน่ว่ะ สมองหรือกระดูกขา! ร่างบางถอนหายใจออกมาแรงๆอย่างขัดใจ เมื่อลองเงี่ยหูฟังดีๆแล้วเสียงที่ร้องเพลงอยู่นี่ก็ไม่น่าจะไกลจากที่เขายืนอยู่เท่าไหร่ ขาเรียวเปลี่ยนเป้าหมายในทันที ‘ก็กะว่าจะไปดูหน้าคนร้องหน่อยก็แค่นั้นเอง’ ร่างบางเดินไปตามเสียงทุ้มที่ยังร้องคงร้องเพลงออกมาต่อเนื่องไม่ขาด… ‘บางที เขาอาจจะกำลังกลุ้มใจอยู่ก็ได้หละมั้ง’

ขาเรียวของทอมรีบเดินไปยังแหล่งที่มาของเสียงแทบจะทันที ขาบางหยุดอยู่ตรงพุ่มไปเตี้ยๆตรงข้ามกับชายตัวโตที่นั่งดีดกีต้าร์เป็นทำนองเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมายของเพลง มีสะดุดบ้างบ้างช่วง แต่ก็ยังคงเริ่มเล่นใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ดวงตาสีมรกตตวัดไปมองที่ตาสีฟ้าสวยที่ตอนนี้มองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีดำ ‘คุณอาจจะกำลังเศร้า ผมอยากช่วยคุณจัง’ สายตาสีฟ้าที่ดูจะเหม่อลอยนั่นอีก ‘คงคิดมากอยู่แน่ๆเลยสินะ’ คนตัวบางขยับไปมาเมื่อยุงนับสิบที่เริ่มจะเข้ามากัดที่ผิวขาวๆของร่างบาง แต่มันก็ส่งผลตอพุ่มไม้เล็กๆที่ตนหลบอยู่อย่างไม่ได้ตั้งใจ ตาเขียวสวยเบิกกว้างขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูก มือหนาที่กำลังจะเล่นเพลงใหม่กับหยุดชะงักลง ก่อนที่สายตาคมจะตวัดมายังต้นตอของเสียงที่นั่งหลบอยู่หลังพุ่มไม้เล็กๆนั่น

“เอ่อ… ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังคุณร้องเพลง ผมต้องขอโทษจริงๆ ถ้ามันทำให้คุณ เอ่อ… โกรธ ผมขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ”  ร่างเล็กรีบลุกออกมาจากพุ่มไม้เล็กๆนั่น ขาเรียวเล็กค่อยๆเดินเข้าไปหาอีกคนที่ยังคงนั่งมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่องอยู่ทีละก้าวอย่างระมัดระวัง ปากเรียวยกยิ้มหวานให้อีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิด แต่ดูอีกฝ่ายคงไม่พอใจเขาเอาการ เห็นได้ชัดจากคิ้วสีทองของอีกฝ่ายที่ยังคงขมวดเข้าหากันแน่นตั้งแต่เขาค่อยๆเดินเข้ามาหาอีกฝ่าย คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากก็พอจะรู้ว่าคงโกรธเขาไม่น้อยเลย

“เหอะ อย่ามาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ”  ทอมอ้าปากค้างเมื่ออีกฝ่ายหาว่าเขาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เขารีบเดินเข้าไปหาประชิดอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วพอๆซึ่งมันก็เร็วพอๆกับอารมณ์บูดๆของเขาในตอนนี้มากๆ

“ผมไม่ได้แก้ตัวนะครับ ผมแค่บังเอิญได้ยินก็เท่านั้น ดึกๆดื่นๆแบบนี้คนบ้าที่ไหนเขาจะมานั่งร้องเพลงกัน จริงไหมหละครับ?”  ปากบางร่ายยาวทันทีที่ร่างสูงตรงหน้าพูดจบมีพูดเหน็บไปบ้างให้อีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้เขาโกรธอยู่ ซึ่งประจวบเหมาะเจาะกับที่คริสเก็บกีต้าร์เสร็จพอดี ร่างสูงค่อยๆหันมาหาไอคนตัวเล็กที่บังอาจมาว่าเขาว่าเป็นคนบ้า? ช้าๆ

“ว่าฉันบ้างั้นหรอห๊ะ! ไอเหม่ง! นายหนะสิบ้า! มาทำอะไรที่นี่ดึกๆดื่นๆ บ้านช่องไม่มีหรือไงถึงไม่ยอมกลับบ้าน ฉันแค่มานั่งร้องเพลง ที่นี่มันก็ไม่มีกฎบอกซักหน่อยว่าเวลากี่โมงถึงกี่โมงห้ามร้องเพลง! ป้ายก็บอกอยู่โต้งๆ ว่า สวน สา-ธา-ระ-ณะ!”  คำตอบที่ทำเอาร่างบางสะดุ้ง แขนเรียวบางยกขึ้นมากอดอกตัวเองเอาไว้แน่นๆอย่างข่มอารมณ์

“ก ก็…” เมื่อเห็นร่างบางที่อ้ำอึ้งพูดไม่ออกปากหยักก็ยกยิ้มอย่างผู้ชนะ ดูก็รู้ว่าคนตรงหน้าพยายามข่มอารมณ์ตนเองเอาไว้อยู่ แบบนี้มันต้องแกล้งซักหน่อย แต่จะว่าไป คนตรงหน้าเขานี่ก็ดูดีเหมือนกันนะ ถึงจะดูจืดๆไปหน่อยก็เถอะ

“ก็อะไร? ไหนบอกมาสิ ว่าที่นี่มันมีกฎห้ามร้องเพลงเวลาไหนบ้าง?” แขนแกร่งยกขึ้นกอดอกมองคนตัวเล็กตรงหน้าบ้าง ขณะที่มองร่างตรงหน้าที่พยายามหาคำพูดมาเถียงเขา เขาเลยใช้จังหวะนี้ ใช้สายตาสำรวจอีกฝ่ายคร่าวๆสะเลย

ผมสีน้ำตาลเป็นลอนเล็กๆบวกกับปากเรียวเล็กสีชมพูน่ารักนั่นมันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ  รู้สึกเหมือน… อยาจูบ

ตาสีเขียวที่ตอนแรกตวัดขึ้นมามองเขาอย่างเดือดดาด แล้วก็เสหลบไปทันทีที่ด่าเขาจบ อย่างกับเขาไปพูดอะไรไม่เข้าหูอีกฝ่ายเข้างั้นแหละ เจ้าตัวถึงได้แสดงท่าทีโกรธเขาแบบเปิดเผยขนาดนี้ (นี่มั่นใจว่าแกไม่รู้ = =) ขนาดความสูงที่เกือบจะเท่าเขาแต่กลับดูตัวบางกว่า และดูเหมือนเจ้าตัวจะหุ่นดีเอาการเสียด้วย นายแบบหรือไง? แถมขนาดเสื้อที่อีกฝ่ายใส่ก็พอๆกับหญิงสาวหุ่นเพรียวคนหนึ่งเลย

“ก ก็ไม่มีหรอก ก็ผมแค่เห็นว่าเสียงคุณเพราะดีแค่นั้นเอง ไม่คิดว่าการที่เดินมาดูคุณจะทำให้คุณดูอารมณ์เสียขนาดนี้” จากหน้าหลังมือกลายเป็นหน้ามือเลยแหะ ฮ่าๆๆๆ เจ้าตัวสารภาพออกมาตรงๆเลยว่าชอบเสียงเขา ยิ่งเห็นแก้มที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อน่ารักนั่นอีก มันทำให้คริสชายตัวโต ยิ่งอยากแกล้งอีกฝ่ายเข้าไปใหญ่ แต่ก็นะ… เดี๋ยวไอหน้าจืดนี่จะร้องไห้ขี้มูกโป่งเอาป่าวๆ หรือไอเจ้านี่มันจะเป็นแมวมอง!

“ขอบคุณที่ชม งั้นฉันก็ต้องขอโทษนายด้วยเหมือนกันที่ว่าอะไรนายไป แถมยังตะหวาดใส่อีก”  คริสยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายส่งยิ้มเล็กๆมาให้เขา มือหนายื่นไปข้างหน้าก่อนจะแนะนำตัว

“ฉันคริส คริส เฮมสเวิธร์”

“ผมทอมครัม โธมัส ฮิตเดิลสตัน ผมก็ต้องขอโทษคุณจริงๆนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณอารมณ์ไม่ดี” มือบางยื่นมือไปจับกับมือหนาเบาๆก่อนจะผละออก คนตรงหน้านี่แม่งทำให้เขาอารมณ์ดีได้เฉยเลย! นางฟ้าหรือป่าวว่ะเนี่ย

“ฮ่าๆๆ ก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก เอางี้ฉันไม่ได้อารมณ์เสียเพราะนายแล้วกัน จบนะ แล้วก็ไม่ต้องพูดเป็นทางการกับฉันหรอกนะ มันระคายหู เพราะฉันก็ไม่ใช่คนที่พูดภาษดอกไม้เท่าไหร่ด้วย” วันนี้ดูพูดมากเป็นพิเศษว่ะ ‘คริส เฮมสเวิร์ธ’

“ฮ่าๆๆ โอเคครับ คริส” ร่างบางยิ้มหวานส่งไปให้อีกครั้ง ตากลมสวยเหลือบมองไปเห็นกระเป๋ากีต้าร์ข้างหลังแล้วนึกอะไรบางอย่างออกขึ้นมาทันที ที่จริงตอนอยู่ตรงพุ่มไม้นั่นก็คิดอยากจะเดินมาถามอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน บางทีถ้าอีกฝ่ายต้องการงานเสริม เขาอาจจะหางานให้อีกฝ่ายทำได้

“คุณ… เอ่อ คริสนายชอบเล่นดนตรีใช่ไหม?” เกือบจะพูดเป็นทางการอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นตาคมที่ส่งสายตาดุๆมาให้เลยต้องรีบเปลี่ยนสรรพนามทันที

“อื้ม มากเลยหละ มีอะไร?” คริสเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถามอีกฝ่าย ถ้าแมวมองจริงๆ ทำไมไม่เห็นเหมือนคนก่อนๆที่ผ่ามมาหละ – – แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนตรงหน้านี่เหมือนนางฟ้า ส่วนพวกนั้นมันนางมารชัดๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายที่ตอนแรกดูจะไม่ค่อยพอใจที่เขาว่าไป กลับกลายเป็นตอนนี้พูดดีกับเขาขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนที่พิเศษเลยแหะ

ปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อย คิดอยู่ชั่วครู่ว่าจะพูดมันออกไปดีไหม? กลัวว่าอีกฝ่ายจะขำแล้วเดินหนีไปเนี่ยสิ เฮ้อ… แต่บางอย่างไม่ลองไม่รู้หรอกเนอะ ต้องลองพูดดู!

“คือเอ่อ… ถ้าไม่รังเกียจ ไปทำงานกับฉันไหม? แบบรับจ๊อบก็ได้นะอาทิตย์ละครั้งก็ได้ คือ… มันเป็นงานที่ฉันต้องการผู้ช่วยหนะ ต้องการคนที่ชอบเล่นดนตรีด้วย ยิ่งกีต้าร์เนี่ยเหมาะกับงานนี้มากเลย” นิ้วเรียวบางชี้ไปที่กีต้าร์ของอีกฝ่าย แล้วยิ้มหวานออกมา พอใจที่เห็นคนตรงหน้าตาโต และแสดงความดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“งาน?!” ร่างสูงทวนคำถามอีกรอบ

โอ้พระเจ้า! ท่านประทานนางฟ้ามาให้ผมหรือไงครับ! เมื่อกี้ไอคนตัวเล็กตรงหน้านี่ชวนเขาไปทำงานใช่ไหม โอ้เยส!

“อ อื้ม ที่โรงเรียนอนุบาล” อะไรนะ? โรงเรียนอนุบาล? หน้าอย่างเขาเนี่ยนะให้ไปทำงานที่โรงเรียนอนุบาล? ลาละ ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำหรอกนะ แต่แบบ บางทีแค่เขาเดินผ่านเด็กตัวเล็กๆ บางคนนี่ร้องไห้เลยนะ ก็รู้อยู่ว่าเขาทั้งตัวโต แถมหน้าก็มีหน้าเดียว = = ถึงในใจมันไม่อยากจะปฏิเสธก็เถอะ ยิ่งเห็นคนตรงหน้าที่คิดว่าเขาต้องเซเยสแน่ๆแล้วยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะถูกกับเด็กซักหน่อย ปฏิเสธไปแล้วกัน!

“ไม่เอาหรอก ฉันไม่ชอบเด็ก นายไปหาคนใหม่ได้เลย ขอตัวนะ ราตรีสวัสดิ์”

พูดจบขายาวก็รีบเดินออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดโดยไม่หันกลับมามองคนตัวเล็กซักนิด ที่ไม่หันกลับมามองเนี่ย กลัวว่าจะใจอ่อนต่างหาก มือหนากระชับมือที่จับกระเป๋ากีต้าร์แน่นๆ ก่อนจะพาตัวเองมาแอบยืนดูอีกฝ่ายอยู่ที่มุมๆหนึ่งที่เขาคิดว่าไอคนตัวเล็กคงมองไม่เห็นเขาแน่ๆ

ร่างบางมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนสุดทาง ความเสียใจเริ่มก่อตัวขึ้นที่ขอบตาบาง เขาคิดแล้วว่าอีกฝ่ายต้องเป็นแบบนี้เขาเข้าใจอีกฝ่ายว่าผู้ชายตัวโตๆแบบคริสจะไปร้องเพลงให้เด็กๆฟังได้ยังไง อย่างเขาน่าจะเอาเวลานั้นไปจีบสาวดีกว่าใช่ไหม ไม่แน่อีกฝ่ายคงเห็นเขาเป็นคนแปลกหน้าเลยไม่อยากมาทำงานร่วมกับเขา แต่ก็ยังดีที่อีกฝ่ายไม่ขำเขา ร่างเล็กทรุดลงนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวที่ตอนแรกคริสเป็นคนนั่ง

“เฮ้อ… งานแบบนี้ใครเขาอยากจะไปทำกันหละ”

ทอมนั่งก้มหน้ามองมือของตัวเองที่ถือหนังสือเล่มหนาไว้เพื่อกลั้นน้ำใสๆที่คลอรวมกันเป็นก้อนรออยู่ที่ขอบตา พยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้มันไหลออกมา ซึ่งทุกๆอย่างมันตกอยู่ในสายตาของคนตัวสูงทั้งหมด

Trrrrr.. Trrrrr..

มือบางข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงข้างที่ใส่โทรศัพท์เครื่องเล็กออกมา ตาสีสวยที่พร่าไปด้วยม่านน้ำตาทำให้มองไม่เห็นชื่อผู้ที่โทรเข้ามา ‘อาจจะมีเรื่องด่วนหรือป่าว’ มมือเรียวเลื่อนสไลด์ที่หน้าจอรับสายที่คนที่โทรมา

“ฮัลโหลครับ.. ทอมพูดครับ” เสียงหวานที่ติดสั่นเล็กๆพยายามทำมันปกติที่สุด

[ นี่ผมเอง สตีฟครับทอม ] สตีฟ? โทรมาทำไมดึกดื่นกันนะ

“ว่ายังไงครับ โทรมาดึกๆแบบนี้ทะเลาะอะไรกับโทนี่แน่ๆเลยใช่ไหมครับ?” ถามออกไปยั่งเชิงอีกฝ่าย ซึ่งก็ได้เสียงหัวเราะแห้งกลับมา

[แหะๆ  อ่า… อันนั้นไม่ใช่ประเด็นหลักที่ผมโทรมาหรอกครับ ผมเป็นห่วงนายนะทอม ให้ผมหาผู้ช่วยแทนไหม โทนี่ก็หามาให้หลายคนแล้วนายก็ไม่เอา ไม่ถูกใจหรอ? ]

“ฮ่าๆๆ ก็ประมาณนั้นแหละครับ ดูพวกเขาเกลียดเด็ก และก็… ”

ร่างบางเงีบยไปพักนึงก่อนจะพูดต่อ

“ที่จริงผมก็เจอแล้วหละครับ ไม่ต้องห่วงหรอก ผอ.คนนี้ไม่กล้าไล่ผมออกแน่ ผมทำงานมาเป็นสิบๆปีแล้วนะ ฮ่าๆ” ร่างบางหัวเราะเบาๆเพื่อให้คนปลายสายสบายใจมากขึ้น

[ ครับบบบบ งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปดูหน้าคนที่นายเลือกหน่อย จะให้โทนี่สะแกนว่าโอเคไหม งั้นผมไม่กวนนายหละ ราตรีสวัสดิ์ครับผม ]

“ส สตีฟ… บ้าจริง” ร่างบางคอตกทันทีที่อีกฝ่ายวางสายไปดื้อแบบนี้ กำลังจะอ้าปากค้านแต่ดันไม่ทันเสียนี่ จะทำยังไงดีปละทีนี้ คริสก็ปฏิเสธไปแล้วด้วย คงต้องโดนไล่ออกจริงๆก็คราวนี้แหละ คิดหนักเลยทีนี้…

ร่างสูงที่แอบดูร่างบางอยู่รู้สึกได้ถึงความเศร้าที่คนตัวเล็กส่งออกมา มัน.. น่าเห็นใจ

“ฮึก…” บางปากเม้มเข้าหากันแน่นพยายามไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกไป เขาไม่อยากหางานใหม่ เขายอมเป็นครูที่ถูก ผอ.กดขี่ ดีกว่าต้องปล่อยให้เด็กตัวเล็กๆไปอยู่คนครูคนอื่น ก่อนหน้าที่เขาจะไปประจำที่โรงเรียนแห่งนี้ ร่างบางเห็นเด็กๆถูกตีอย่างน่าสงสาร ถ้าหากเขาไม่เข้าไปห้ามมีหวังเด็กคนนั้นอาจจะตายได้ โรงเรียนเกือบจะถูกสั่งปิดไป ครูคนนั้นเลยโดนสั่งพักงาน และห้ามรับราชการอีก เขาเลยได้รับหน้าที่มาดูแลเด็กๆแทน ตอนแรกเด็กๆก็กลัวเขา แต่พอๆนานๆเข้าเด็กๆก็เริ่มปรับตัวได้

เขาชอบเด็กๆทุกๆคน เขาทั้งรัก ทั้งห่วง เขากลัวว่าถ้าหากเขาถูกไล่ออกขึ้นมาจริงๆครูคนใหม่ที่อาจจะมาแทนที่เขาในอีกไม่นานอาจจะตีพวกเด็กๆก็ได้ ในตอนที่พวกเขาไม่เชื่อฟังพวกเราก็เหมือนครอบครัวใหญ่ ครอบครัวใหญ่ๆที่ถ้าหากขาดใครไปมันก็ดูไม่สมบูรณ์ เขาผูกพันกับเด็กๆ

แต่ไม่นานมานี้ ผอ.ที่ดูจะไม่ค่อยชอบหน้าเขาก็ให้ครูสาวสวยคนหนึ่งเอาสองสีน้ำตาลมาให้เขา เขารับมาก่อนที่จะกล่าวขอบคุณเธอ เมื่อเลิกงานขากลับบ้านเขาก็เปิดซองดู มันเป็นประกาศของทางกระทรวงที่เพิ่งออกกฎใหม่มา เขาอยากให้เด็กอนุบาลทุกคนมีเสียงเพลงเป็นการสื่อความหมายให้เด็กจดจำง่ายขึ้น เขาต้องการจะให้จ้างนักดนตรีคนหนึ่งมาไว้ประจำห้องของเด็กอนุบาลห้องต่างๆ ของเขาเป็นห้อง A3 ก็ไม่น่าจะหายากเท่าไหร่ในความคิดของเขาตอนแรก แต่พอไปชวนใครเขาก็ไม่อยากทำ จนมันจะครบกำหนดเวลาแล้ว ถ้าเขาไม่มีผู้ช่วย เขาก็คงต้องหางานใหม่…

“เอาเป็นว่า ฉันรับทำเป็นรายครั้งแล้วกัน ครั้งหละสามพันบาทขาดตัว” ร่างสูงที่แอบเดินมาอยู่ข้างๆร่างบางเอ่ยพูดขึ้นทำลายความเศร้าของคนตัวเล็กที่เริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆบนขอบตาบางนั่น

“อ เอ๋? ค คริส!” ร่างบางรีบปาดน้ำตาออกลวกๆ ก่อนจะรีบเด้งตัวเองขึ้นมายืนข้างหน้าอีกฝ่ายดีๆ เขาไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็นเลย แต่คริสดันเห็นไปเต็มสองตาอย่างนี้ คงมองว่าเขาขี้แยแน่ๆ แล้ว… คริสมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย เขาคงไม่ได้สนใจรอบๆข้างนี่เลยใช่ไหม

“เมื่อกี้… นายพูดว่าอะไรนะ แล้ว… นายไม่กลับบ้านหรอ?” ร่างบางเอ่ยปากถามออกไปอย่างงๆ อีกฝ่ายน่าจะกลับไปได้ซักพักแล้ว แต่ทำไมยังมาอยู่ที่นี่อีกหละ จะว่าทำงาน ก็ไม่น่าจะใช่ อีกใจก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าคริสอาจจะแอบดูเขาอยยู่หรือป่าว

“เผอิญนึกได้ว่าไม่ค่อยมีเงินเก็บมากเท่าไหร่ หางานเสริมทำคงไม่น่าเกลียดถูกไหมหละ” พูดโง่ๆออกไปเพียงเพราะเห็นน้ำตาอีกฝ่าย = = ให้ตายเถอะ ‘คริส เฮมสเวิร์ธ’

“แต่นายไม่อยากทำไม่ใช่หรอ?”

“ก็… ตอนนั้นพูดไม่คิด ยังไงก็… ขอโทษนะ ฉันมันก็… ปากเป็นแบบนี้แหละ ทำใจให้ชินสะนะ” ปากหยักยกยิ้มหล่อ

“สามพันต่อครั้ง? ไม่มีปัญหา” ร่างบางยิ้มกว้างออกมาแทบจะทันที ที่ร่างสูงยอมกลับมารับข้อเสนอของเขา ร่างบางกระโดดกอดอีกฝ่ายแน่นๆอย่างดีใจ เขาไม่เคยดีใจแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ยิ่งคิดวงแขนเรียวบางก็ยิ่งกอดรัดอีกฝ่ายแน่นขึ้น ส่วนอีกฝ่ายก็ได้แต่ยืนแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก จะกอดตอบก็ใช่ทีเดี๋ยวเขาก็หาว่าเราไปลวนลาม โอยยย เย็นไว้ๆ -..-

“งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่นี่นะ ม้านั่งตรงนี้เลย เดี๋ยวผมจะมาแจกแจงรายละเอียดให้”

To Be Con…

งื้ออออ! นานๆจะเข้ามาอัพในนี้ที คอมที่บ้านก็เป็นอะไรไม่รู้ลงใน exteen ได้ แค่ลงในนี้ไม่ได้ TT ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะครับ และก็ขอโทษด้วยจริงๆที่ทำให้ผู้อ่านทุกคนรอนาน TT

SF : HIDDLESWORTH : I Love Coffee Past.2

Standard

[SF : Hiddlesworth ]

Story : I Love Coffee Part.2

Pairing : Chris Hemsworth x Tom Hiddleston

ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจิตนาการของผู้แต่ง 

ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ตัวละครเสื่อมเสียใดๆทั้งสิ้น 

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะครับผม! 

 

และสำหรับแฟนคลับตัวยของคู่ ThorKi Hiddlesworth Eric x Hal 

 

อบ่าลืมสนับสุนนักเขียนหน้าใหม่คนนี้ด้วยนะครับ ^3^

 

wordpress : https://hiddlesworthnutty.wordpress.com

Twitter : https://twitter.com/Hiddleworth_nut

^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

หลังจากที่ตัดสินใจไปในวันนั้น มันไม่ผิดหวังจริงๆ คนที่เขาพูดคุยตรงหน้าเป็นเสปกผู้หญิงอย่างที่เขาต้องการ แต่… เจ้าตัวเล็กที่เหมือนลูกแมวน้อยตรงหน้าเขานั้น ‘เป็นผู้ชายที่โคตรสวย แถมยังได้แม่มาเต็มๆ ทำเป็นแทบจะทุกอย่างเลยก็ว่าได้’ ตาสีฟ้าคมเข้มจ้องมองคนตรงหน้าที่นั่งจิบกาแฟไปเรื่อยๆไม่วางตา ทุกๆอย่างที่ทอมกำลังทำ มันดูน่าสนใจอย่างประหลาด มันเหมือนกับเขากำลังหลงใหลในตัวทอมเอามากๆ ทั้งสำเนียงการพูดที่ออกไปทางอังกฤษมันชวนเคลิ้ม เสียงหวานๆที่พูดใครเขาฟังกี่ครั้งๆก็ไม่รู้จักเบื่อ รอยยิ้มซุกซนเล็กๆยามที่เขาเล่าเรื่องชวนขำให้อีกฝ่ายฟัง มันช่าง… เป็นอะไรที่ติดตาตรึงใจเขามาก

“คริสครับ? คุณคริส คุณคริส!” ร่างบางสะกิดที่แขนใหญ่ของคนตรงหน้ายิกๆ มัวแต่มองหน้าเขาอยู่ได้ตั้งนานสองนาน ถึงเขาจะเป็นผู้ชายแต่เขาก็เขินเป็นนะ แก้มใสขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยพอให้อีกฝ่ายที่นั่งจ้องอยู่เหมือนได้สติ ตาคมรีบตวัดไปมองข้างทางก่อนจะค่อยๆเลื่อนสายตามาหยุดมองใบหน้าหวานของอีก ฝ่ายที่ก้มหน้าก้มตามองพื้นอยู่ ปากหยักยกยิ้มขำ ‘คนอะไรขนาดเขินยังมีเสน่ห์’

“ว่ายังไงครับผม “ กล่าวอย่างยิ้มๆ เจ้าตัวเล็กรีบเด้งขึ้นมามองเขา ปากบางยิ้มเล็กๆก่อนจะกล่าวด้วยความเขินอาย

“คุณเอาแต่มองหน้าผม ไม่ยอมดื่มกาแฟเลย ผมกลัวว่าคุณอาจจะเบื่อนะครับ”

กล่าวอย่างตรงไปตรงมาทอมคิดว่าที่เจ้าตัวมาด้วยก็คงเพราะรู้สึกผิดที่ทำ เขาล้มเลยต้องมานั่งเป็นเพื่อนเขาจนกว่าเขาจะกลับอีก เขายิ่งชอบบรรยากาศแบบนี้อยู่ด้วย ให้นั่งจนร้านปิดเขาก็เคยนั่งมาแล้ว แต่อีกฝ่ายนี่สิ แต่งตัวอย่างกับนักธุรกิจหนุ่มๆ หรือไม่ก็อาจจะเป็นนายแบบ คงไม่ชอบอะไรที่มันน่าเบื่อแบบเขาเท่าไหร่หรอก… มั้ง

“ไม่เลยครับ ผมชอบที่นี่เอามากๆ วันๆไม่ค่อยได้ออกมานั่งแบบนี้สักเท่าไหร่นานๆมาทีก็รู้สึกสงบขึ้นเยอะเลย ครับ ผมต้องขอบคุณคุณนะครับทอมที่แหนะนำร้านดีๆให้ผม และก็ต้องขอบคุณโชคชะตาที่บังเอิญเล่นตลก ทำให้ผมได้เจอกับคุณอีก

คำพูดของคนตัวใหญ่ตรงหน้าทำเอาร่างบางแขนแก้มแดงยกใหญ่ มือบางรีบยกขึ้นมาปิดแก้มเหมือนที่ชอบทำบ่อยๆ ทำเอาอีกฝ่ายที่มองอยู่อยากจะกระโดดมาฟัดให้รู้แล้วรู้รอด ลองมานั่งอยู่ตรงนี้สิ จะได้รู้ว่ามันน่าฟัดแค่ไหน!

“แล้วบ้านคุณอยู่ไกลไหมครับ ถ้าไม่รังเกียจตอนคุณกลับบ้านผมจะไปส่ง” ยิ้มหล่อส่งไปให้อีกฝ่ายที่ดูจะหน้าแดงไม่เลิก

“ไม่เป็นไรครับๆ บ้านผมอยู่ใกล้แค่นี้เอง ลำบากคุณป่าวๆนะครับ”

“แต่ผมเต็มใจครับ ยิ่งดึกมันก็ยิ่งอันตรายนะครับ ผมไปส่งนะดีแล้ว ผมเป็นห่วงคุณทอม ผมไม่อยากเห็นคุณเป็นอะไรไป”

ร่างบางหน้าแดงอีกรอบ ถ้าคุยกันต่อไปเรื่อยๆนี่… ไม่ขอเขาแต่งงานเลยหรือไง 

“อ… เอาแบบนั้นก็ได้ครับ”

/^3^/

ร่างบางที่เดินมาถึงหน้าบ้านโดยมีอาสาสมัครผู้ใจดีมาส่งถึงที่ ทอมเงยหน้ามองชายตัวโตที่ก้มลงมามองเขาอยู่ก่อนแล้ว ร่างบางยิ้มกว้างแล้วกล่าวขอบคุณเสียงใส คริสที่มองอยู่ถึงกับชะงัก ทอมไม่เคยยิ้มให้เขาขนาดนี้มาก่อนเลย… หรือว่า นี่มันอาจจะเป็นสัญญาณที่ดี ว่าเขากำลังจะมีเมียเป็นตัวเป็นตน 

 

“ขอบคุณนะครับคริสที่มาส่ง” คริสถึงกับยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคที่ร่างบางเปล่งออกมา เขาแทบจะเรียกว่าออกคำสั่งเลยก็ว่าได้ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายพูดจาสุภาพกับเขา อยากให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาเป็น้พื่อน มากกว่าคนแปลกหน้าที่บังเอิญชะตากำหนดมาให้เจอกัน ร่างสูงก้มลงไปอีกหน่อย ปากหยักจูบเบาๆลงบนหน้าผากน้อยๆเบาๆ

“ราตรีสวัสดิ์นะครับทอม พรุ่งนี้ถ้าไม่รังเกียจ ผมจะขอมาทานข้าวที่บ้านทอมได้ไหม?”

“พรุ่งนี้กี่โมงหรอครับ? พอดีช่วงเช้าอาจจะรามไปถึงช่วงบ่ายผมต้องเอาต้นฉบับไปส่งนะครับ แล้วก็ประชุมนิดหน่อย”ตากลมสีสวยเหลือบมองไปสบตาคม ก่อนจะยิ้มออกมา

“งั้นเอาเป็นว่าเป็นช่วงมื้อค่ำดีไหมครับ?” ร่างสูงยิ้มกว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงว่าเจ้าตัวตกลง

“งั้น… พรุ่งนี้มื้อค่ำ เจอกันนะครับ คุณคริส เฮมเวิทส์” มือเล็กโบกไม้โบกมือไปมาก่อนจะรีบวิ่งเข้าบ้านไป คริสที่มองตามแผ่นหลังน่าถนุถนอนมนั่นก็ยิ้มขำออกมาขายาวหมุนตัวเองให้เดิน กลับไปทางเดิมที่เดินมา เดินผ่านสวนสาธารณะที่เจอคนตัวเล็ก มันทำให้เขาเดินยิ้มมาตลอดทาง เดินดลี้ยวไปทางซ้านก็จะเจอลีมูซีนสีเงินจอดรอเจ้าตัวอยู่ คนขับรถประจำเดินมาทำหน้าที่เปิดประตูให้ ก่อนจะรีบปิดประตูลงอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้านายตนเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว คนขับรถเลยเดินไปขึ้นรถและขับออกไป เป้าหมายคือ… คฤหาสน์ Hemsworth ร่างสูงใหญ่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อนึกถึงภาพคนตัวเล็กที่เจอกันตั้งแต่ ตอนแรกในสวนสาธารณะ ก่อนจะมีประโยคหนึ่งผุดเข้ามาในหัว

ความรักของเขา… กำลังจะเริ่มขึ้นใช่ไหม?

Eric(Chris H.) x Hal (Tom H.) : Snow White and the Huntsman 2

Standard

Story : Eric( Chris H.) x Hal (Tom H.) : Snow White and the Huntsman

Pairing : Chris Hemsworth x Tom Hiddleston

ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจิตนาการของผู้แต่ง

ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ตัวละครเสื่อมเสียใดๆทั้งสิ้น

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะครับผม!

 

wordpress : https://hiddlesworthnutty.wordpress.com

 

Twitter : https://twitter.com/Hiddleworth_nut

 

 

เช้าตรู่ของอีกวันในเมืองอันสงบสุข ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมกับวันก่อนๆ ชาวบ้านต่างพากันตื่นออกมารับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่แสนจะดูสดใส ไหนจะยังมีสายลมเย็นที่พัดผ่านไปมาให้สดชื่น มองลงไปด้านล่างจากหน้าต่างชั้นสองของบ้าน จะเห็นหญิงสาว ชายหนุ่มต่างพากันออกมาเดินจับจ่ายซื้อของที่ตลาดใจกลางเมืองกลับบ้านติดไม้ติดมือไปอีกคนละชิ้นสองชิ้น ขนมปังบ้าง แยมบ้าง ผลไม้บ้าง ถ้ามองไปทางด้านขวาก็จะเห็นเด็กชายกับเด็กหญิงตัวน้อย จับมือคุณยาย คุณตาไปเดินตลาดเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากตายาย และคนที่เดินผ่านไปมาอยู่รอบๆข้างไม่ได้ มันเป็นภาพที่ชินตาสำหรับทุกคนในเมืองเสียแล้ว ตื่นมาพบกับแสงอาทิตย์อ่อนๆ รับกับลมเย็นจากป่าที่อยู่บริเวณรอบเมือง ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเด็กๆที่ออกมาวิ่งเล่นกันแต่เช้า เห็นภาพที่ทุกๆคนต่างยิ้มให้กัน

ทุกๆอย่างในเมืองนี้… มันมีแต่ความสุขทั้งนั้น ความสุขที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปไหน มันมีแต่ค่าความสุขที่เพิ่มมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

ชายร่างโปร่งในชุดเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน กางเกงผ้าสีดำตัดกับเสื้อสีเลือดหมูที่เจ้าตัวสวมใส่ มันทำให้ผิวสีขาวราวหิมะของเจ้าตัวดูเปล่งประกาย ไหนจะตากลมโตสีมรกตสวยที่ใครสบตาเป็นต้องมนต์นั่นอีก ผมดำราวปีกอีกาเป็นลอนเล็กสวยนุ่มน่าสัมผัส ถ้าหากจับชายหนุ่มคนนี้มาแต่งตัวเป็นผู้หญิงมีหวังสาวๆในเมือง อาจจะต้องเป็นม่ายตรอมใจตายกันไปข้างหนึ่งเลยเป็นแน่ = =

ร้องเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มค่อยๆย่ำไปลงบนพื้นอย่างสม่ำเสมออาจจะมีหยุดบ้างเป็นบางครั้งเพื่อเลือกซื้อของที่ตนเองต้องการ ก่อนจะก้าวขาเดินต่อไปเรื่อยๆโดยจังหวะการก้าวเท้าก็ยังคงสม่ำเสมอเช่นเดิม ขาเรียวพาตนเองมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง ริมฝีปากแดงราวกับกลีบกุหลายยกยิ้มซุกซน ชายหนุ่มพาร่างของตนมาหยุดอยู่ที่หน้าบานประตูสีน้ำตาลเก่าๆแต่ก็ยังคงสภาพการใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม มือบางเรียวสวยยกขึ้นจับกลอนประตูสีเงิน ค่อยๆจับหมุนเบาๆ มืออีกข้างที่ถือถุงกระดาษใส่ของกระชับแน่น ปากบางยกยิ้มกว้างขึ้นเมื่อแผนการที่ผุดจะแกล้งคนที่อยู่ในบ้านนั้นเริ่มขึ้นมาเป็นฉากๆ

“อรุณสวัสดิ์แบนเนอร์!!!” มือบางผลักประตูไม้เก่าออกไปเต็มแรง หวังแค่ว่าชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในบ้านจะตกใจแล้วเผลกส่งเสียงชวนขำกลิ้งออกมา ปากบางที่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขกับกลายเป็นการยิ้มค้าง

บ้านเงียบ… ไม่มีวี่แวว… ข้าวของกระจัดกระจายเต็มบ้าน… เกิดอะไรขึ้นกับญาติของเขา?

 

 

“บ.. แบนเนอร์” เสียงหวานเอ่ยคำแรกหลังจากที่มองสำรวจโดยรอบ โดนปล้นหรือป่าว พี่เขาตกอยู่ในอันตรายไหม? ตอนนี้ปลอดภัยดีหรือป่าว? วงแขนที่กระชับของที่ถือมากลับไร้สิ้นเรี่ยวแรง ของทั้งหมดร่วงลงสู่พื้นกระจัดกระจายไปอย่างไม่รู้ทิศทาง ขาเรียวรีบเดินไปดูตามที่ต่างๆในบ้านเพื่อพี่เขาอาจจะกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้ ในความคิดของเขา แบนเนอร์คือชื่อพี่ชายของเขา พี่เขาไม่เคยมีปัญหากลับใคร พี่ชายเป็นคนที่ใจดีเสียเอามากๆ เขาอยู่กับแบนเนอร์มาตั้งแต่ยังเป็นทารก พ่อแม่ของแบนเนอร์เป็นคนที่เลี้ยงเขามา เขาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก แต่.. เขาก็ไม่ได้ท้อหรืออย่างไร กลับกันกลับมีความสุขเอามากๆต่างหาก ครอบครัวนี้ดีกับเขามาก แถมแบนเนอร์ก็ชอบมาเล่นกับเขาบ่อยๆ ป้อนนมป้อนข้าวตามที่ท่านแม่เล่าให้ฟัง

“ท่านพี่! ท่านได้ยินข้าไหม ท่านอยู่ที่ใด!” เสียงหวานตะโกนถามไปตลอดทางเดินที่เขาเดินมา ไม่มีวี่แววของพี่ชายเขาเลย ร่างบางทรุดลงนั่งลงกับพื้นหญ้านอกบ้าน มือบางยกมือขึ้นปิดหน้า น้ำตาของเขากำลังจะไหลออกมา เขาเสียใจที่ไม่ได้อยู่ช่วยพี่ หากว่าโจรมาจริงๆพี่เขาคงสู้ไม่ไหวแน่ ดูจากข้าวของที่กระจัดกระจายเต็มพื้นนั่น ก็คงมาไม่ต่ำกว่าสามคนแน่ๆ

จุ๊บ!

สัมผัสเบาบางที่แก้มขวารีบทำให้คนตัวเล็กที่กำลังจะร้องไห้รีบหันไปมองอย่างตกใจ ตาสวยเบิกกว้าง โผเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างเต็มรัก รักที่น้องชายจะมอบให้พี่ชายที่คอยดูแลเขามาตลอด

“ฮาล? ไม่ยักรู้ว่าเจ้าขี้แย” แบนเนอร์ชายหนุ่มร่างกายสมส่วนเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นหางตาของน้องชายตัวเล็กที่ตอนนี้แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เอ่ยทักขึ้น เขาไม่อยากเห็นฮาลร้องไห้เลย น้องเขาไม่เคยร้องไห้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ น้องเขาเป็นเด็กที่สดใส และร่าเริงเอามากๆใครอยู่ใกล้เป็นต้องหลงเสน่ห์เจ้าตัวเล็กเป็นแถบ โดนที่เจ้าตัวเล็กเนี่ยไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ

“ข้าไม่ได้ร้องเสียหน่อย อย่ามาพูดจามั่วๆ” วงแขนเล็กกระชับกอดพี่ชายไว้แน่นๆ กลัวว่ามันจะหายไปอีก หน้าหวานซบลงบนอกค่อยๆช้อนตาสวยขึ้นมองคนที่มองลงมาก่อนอยู่แล้ว

“ไม่ต้องมาอ้อน วันนี้… งด!!!”

“อะไรกัน!!! ข้ายังไม่ทันได้เอ่ยออกมาเลยนะ ท่านพี่จะมารู้ดีกว่าข้าได้อย่างไรกัน!”

ฮาลรีบผละออกมาอย่างรวดเร็ว แขนเรียวยกขึ้นมากอดอกมองแบนเนอร์อย่างงอนๆ

“คิดว่าข้าที่อยู่กับเจ้ามาตลอดสิบแปดปี ไม่รู้รึ? เจ้ากำลังจะขอไปเดินเล่นในป่ากับโทนี่ เก็บผลไม้มาฝากพี่? ถูกไหม?”

แก้มใสพองแก้มขึ้นน้อยๆ เบื่อจริงๆที่มีพี่ชายรู้ทันแบบนี้…

“ก็ข้าอยากไปนี่ ท่านพี่จะห้ามข้าไม่ได้นะ ข้านะ อายุ สิบแปดปีแล้วนะ!”

“สิบแปดปี สิบแปดปี สิบแปดปี? แล้วยังไงต่อ เจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าโทนี่จะสามารถดูแลและปกป้องเจ้าได้” แบนเนอร์กอดอกตามร่างบางตรงหน้าบ้าง ที่จริงในใจอยากให้ไปนั่นแหละ แต่เจ้าโทนี่มันตัวอันตราย ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทเบอร์หนึ่งของน้องเขาแต่ไอเจ้าโทนี่คนนี้นี่แหละที่น่าเป็นห่วงที่สุดเลย! แต๊ะอั๋งน้องเขาตลอดทุกๆครั้งที่มีโอกาส แล้วโอกาสนับว่ามีบ่อย ฮาลไม่ค่อยระวังตัวเท่าที่ควร คงจะคิดแค่โทนี่เป็นเพื่อนที่ดี ชอบช่วยเหลือ สอนนู่นนี่นั่นตลอด ให้รู้จักพืชพรรณไม้ต่างๆนานาชนิด ฮาลเลยไม่คิดอะไร ไอเจ้าหนวดนั่นก็ได้ใจเข้าไปใหญ่

เฮ้อ… คนหล่อกลุ้ม

“ไม่ต้องให้เขามาปกป้องข้า ข้าดูแลตัวเองได้น่า” ฮาลรีบเดินมากอดอ้อนพี่ชายไปมาอย่างน่ารัก แล้วคำตอบหละ…

“เฮ้อ… ข้าก็แพ้ลูกอ้อนของเจ้าทุกทีสิน่าฮาล!”

“ฮ่าๆๆ ท่านพี่ก็ต้องใจอ่อนกับข้าเสมอไม่งั้นข้าจะฟ้องท่านพ่อกับท่านแม่”

พูดจบเจ้าตัวเล็กก็รีบวิ่งออกนอกบ้านไปแทบจะทันที

“ช่างดื้อรั้นเสียจริงเลย!” ลับตาน้องชายแบนเนอร์กลับกลายเป็นอีกคน อีกคนที่คอยปกป้องฮาลไม่ให้เกิดอันตรายใดๆ

มันเป็นหน้าที่ที่ได้รับหมอบหมายมา แล้วเขาเต็มใจที่จะทำมัน ไม่ว่าจะต้องตาย เขาก็สาบานว่าจะปกป้องฮาลให้ถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต..

ข้าวของที่กระจัดกระจายเกิดจากการต่อสู้จริง แต่ฝ่ายนั้นมาสิบกว่าคนเห็นจะได้ ทหารมืด… ทหารพวกนี้ถึงจะจัดการได้ไม่ยาก แต่ก็อึดพอสมควร มันทำให้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะกลับร่างเดิมได้ จนต้องหลบเข้าป่าไปพักซักระยะหนึ่ง ยังดีที่บ้านเขาไม่ติดกับตัวเมืองมากนัก บ้านเขาแยกออกมาไกลพอควรเพื่อหลีกเลี่ยงการตกใจของผู้คน เขาเคยอยู่ในเมืองเมืองหนึ่งก่อนหน้าที่จะมาอาศัยอยู่ที่เมืองแห่งนี้ ที่นั่นมีผู้คนเดินไปมาอย่างขวักไขว่ เขาดีใจที่ชาวเมืองให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตอนนั้นฮาลอายุได้ 10 ปี เขา 15 ปี ทุกอย่างดำเนินไปได้แค่สองวัน สองวันเท่านั้นทำให้พวกเราต้องรีบหนีออกจากเมืองนั้นทันที มันไม่ใช่ทหารมืด มันเป็นอะไรที่โหดร้ายกว่านั้น มันฆ่าคนไปเกือบครึ่งเมือง ตอนนั้นท่านพ่อกับท่านแม่พาฮาลหนีไปได้ไกลจากเมืองแล้วพอควร อีกคนของเขาก็ออกมาช่วยเหลือชาวเมืองที่เหลือ สัตว์ร้ายที่ดูหิวโซมาแรมปีถูกกำจัดทิ้งอย่างไม่เหลือซาก

แบนเนอร์เดินมาหยุดยังกึ่งกลางของบ้าน ปากหนาเอ่ยประโยคไม่คุ้นหูออกมาเป็นประโยคยาว ข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่ไปจนทั่วทุกๆบริเวณ ค่อยๆลอยขึ้นมาก่อนจะเคลื่อนตัวของมันไปอยู่ตามที่ที่ถูกจัดวามไว้ในตอนแรก ขาเก้าอี้ตัวหนึ่งที่หักก็กลับมาผสานให้เป็นเก้าอี้ที่สมบูรณ์แบบอีกครั้งหนึ่ง ปากหนาหยุดพูดถ้อยคำแปลกประหลาดลง ตาคมกวาดมองไปโดนรอบที่ตอนนี้ พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า โคตรสวย!

========================

ภายในป่าสีเขียวชอุ่มเต็มไปด้วยดิกไม้นานาชนิด และยังจะต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงามาตลอดทางที่ร่างบางย่างกายเพรียวเข้ามาในป่า ขาเรียวเดินทอดน่องไปเรื่อยๆเพื่อซึมซับรับ

อากาศที่แสนบริสุทธิ์ที่ปราศจากสิ่งปรุงแต่งให้เต็มความรู้สึกที่แสนสุขในใจให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ยามที่ขาเรียวก้าวเข้ามาในที่โล่งแจ้งปราศจากต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเงากับเขามาตลอดตั้งแต่ระยะทางที่เขาเดินเข้ามาภายในป่า ร่างบางก้มลงมองเงาตนเองที่ไร้ร่มเงาจากต้นไม้ แต่ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยเงาที่ใหญ่กว่า ตามรกตคู่งามเหลือบหันหลังไปมองเงาใหญ่ที่ถอดมาบังแดดให้เขา ตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกใจ สิ่งที่ร่างบางเห็นคือต้นไม้ใหญ่ทั้งสองข้างกำลังใหญ่โตขึ้น กิ่งก้านและใบก็เริ่มใหญ่ขึ้นมันสามารถบดบังแสงที่เล็ดลอดลงมาโดนที่ตัวเขาได้หมด ฮาลพาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่ ไม่ใช่เขาไม่กลัว แต่เขาอยากเรียกมันว่าชินมากกว่า เขาเจอแบบนี้มาตลอดตั้งแต่จำความได้ มือบางเอื้อมไปสัมผัสลำต้นของต้นไม้ใหญ่อย่างแผ่วเบา ปากบางยกยิ้มหวาน

“ขอบคุณพวกท่านมากๆ ท่านช่างใจดี”

ฮาลยิ้มกว้างออกมาเมื่อมีลมเย็นพัดมาทางเขา มันรู้สึกถึงความอบอุ่น เหมือนกับพวกต้นไม้ กำลังกอดเขาไว้ ฮาลรับรู้ได้ว่าต้นไม้มีชีวิต ชีวิตเหมือนมนุษย์คนหนึ่งซึ่งพวกต้นไม้ สามารถรับรู้สิ่งที่เราสื่อได้ ต้นไม้มีความรู้สึกและ… พวกต้นไม้ยังสามารถพูดได้อีกด้วย พูดผ่านทางสามลมฮาลรับรู้มันได้ด้วยใจ บางคนอาจจะคิดว่าเขาบ้ามายืนยิ้มกับต้นไม่ทื่อๆ แถมยังคุยกับมันอีก เขาไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไง

เขาแค่อยากเห็นต้นไม้ที่พยายามปกป้องเขาจากแดดแรงๆรับรู้… ว่าเขาขอบใจมากๆ

 

 

“คุยกับต้นไม้อยู่รึไง แฮ่ก… เดินหายไปแบบนี้มันไม่ดีรู้ไหมฮาล” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งพอๆกันกับฮาลเอ่ยขึ้นมาอย่างเหนื่อยอ่อน ตาสีน้ำตาดมองไปยังคนที่ไม่ได้สนใจฟังเขาพูดเล้ยยย ก็นะ เอาแต่คุยกับต้นไม้ รู้อย่างนี้ไม่พามาที่นี่ก็ดี

“โอ๊ย!” ก้นของโทนี่ถูกกิ่งไม้เล็กๆฝาดเข้าไปเต็มแรง เจ้าตัวที่เริ่มอารมณ์บูดหันไปกะจะต่อว่าคนที่ทำ แต่ก็.. ไม่มี เขาก็พอรู้อยู่หรอกว่าใครเป็นคนทำ อย่าคิดวาสฮาลพูดกับต้นไม้ได้คนเดียวสิ

“ฮ่าๆๆ โดนเข้าให้แล้ว แสดงว่าเจ้าคงแอบบ่นอะไรในใจอยู่เป็นแน่” ฮาลเปิดฉากพูดทันที

“บ่นเจ้านั่นแหละ! แอบเดินหนีมาคนเดียวแบบนี้มันอันตรายรู้ไหม ใช่ว่าทุกที่จะโรยด้วยกลีบกุหลาบนะ ในป่าก็มีหมีอยู่ อย่ามาแกล้งลืมไปหน่อยเลยฮาล!”

“เจ้าน่าจะเป็นผู้หญิงนะโทนี่ บ่นสะยิ่งกว่าท่านแม่ข้าอีก”

“เจ้า…? ว่าอะไรนะ” ถามย้ำอีกครั้งกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน

“ไม่รู้สิ ข้าก็ลืมไปเหมือนกันนะ” ฮาลรีบเปลี่ยนประโยคในทันทีก็นะ…

อย่าให้โทนี่โมโหเลย มัน…น่าขำ ฮาลรีบเดินออกไปยังทางที่มาอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยโทนี่ที่เดินตามมาเดินข้างๆเขา

“ใกล้วันเกิดเจ้าแล้วนี่ฮาล? ข้าจะเอารังมดแดงมาใส่ในกางเกงเจ้า ข้าอยากเห็นก้นขาวๆของเจ้า ฮ่าๆๆๆ ช่างเป็นความคิดที่ดีมาก”

“ลามกหนะสิไม่ว่า”

“โหย! นี่เจ้ากล้ามาว่าข้างั้นรึไอตัวเปี๊ยก!”

“อะไรนะ…?”

นั่นไง เขาโกรธไม่ว่าให้ฮาลโกรธทีเหมือนสติหายไปชั่วขณะจากคนที่ดูแสนดี จะกลายเป็นคนที่ฆ่าคุณได้เพียงแค่เวลา สามวิ

 

 

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเริ่ม Boxing กัน เพทายสีฟ้าเข้มกับมองลงมาจากภูเขาสูง ปากเรียวยกยิ้มมุมปากราวกับผู้ที่กุมชัยชนะเอาไว้ในมือ

มือหนาขว้างวัตถุทรงประหลาดไปทางที่ฮาลและโทนี่ยืนอยู่ เมื่อมันสัมผัสกับพื้นดิน จากวัตถุรูปร่างประหลาดเริ่มบิดเบี้ยวเป็นก้อนกลมขนาดเล็กๆ ก่อนที่มันจะเริ่มขยายรูปทรงของมันให้กลายเป็นหมีป่าขนาดใหญ่มหึมา มันจ้องฮาลเขม็งอย่างกับจะสื่อให้รู้ว่าฮาลเป็นอาหารมื้อต่อไปของมัน

“วันนี้แหละ ที่เจ้าจะต้องตายไปจากโลก ฮาล…” คนมองดูเหตูการณ์พูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะหายไปท่านกลางขนนกสีดำที่ปลิวไสวไปตามแรงลม แล้วกลายเป็นอีกาสีดำบินมาเกาะดูภาพเหตุการณ์ด้านล่าง

ช่างน่าเศร้าเสียจริงที่เจ้าไม่อาจจะช่วยเหลือใครได้อีกฮาล แม้กระทั่งพ่อและแม่เจ้า…

 

 

 

 

[SF : Hiddlesworth ] I Love Coffee Part.1

Standard

ฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจิตนาการของผู้แต่ง

ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ตัวละครเสื่อมเสียใดๆทั้งสิ้น

อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะครับผม!

                                           wordpress : https://hiddlesworthnutty.wordpress.com

บรรณยากาศยามค่ำคืนของมหานครนิวยอร์กเป็นอะไรที่ดีมากๆชนิดที่ว่านั่ง อยู่ที่หน้าบ้านได้ยันเช้า มองไปทางซ้ายก็เจอคนจู๋จี๋กัน หันกลับไปมองทางขวาก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ เฮ้อ..

เมื่อไหร่ คริส เฮมส์เวิร์ธ สุดหล่อ บ้านรวย แถมเพอร์เฟ็คคนนี้จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนซักทีว่ะ!

ชายหนุ่มหุ่นกำยำถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับคำถามที่เฝ้าถามตัวเองมา ตลอดหลายเดือน จริงอยู่ที่เขามีทุกอย่างพร้อม บ้าน รถ หน้าที่การงาน หรืออะไรต่างๆนาๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีหญิงเข้ามาหรืออะไร มันก็มีแต่มาหลอกเอาเงินเขาทั้งนั้นดูก็รู้แต่เขาก็พยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ เห็น ทำเป็นไม่รู้เรื่องจะดีกว่า อยากรู้เหมือนกันมาพวกเธอต้องการอะไร พอนานๆไปพวกเธอก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ค่อยๆสะบัดเขาทิ้ง บางครั้งก็ต้องซื้อของมาง้อ จนเธอเสียหายงอน ก็เป็นอย่างนี้มาแล้วสิบกว่าคนแล้ว เขาก็เริ่มจะชาชินแล้ว พูดแล้วก็อารมณ์เสีย ร่างสูงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ตัวยาวแทบจะทันทีที่คิดเรื่องบ้าๆแบบนี้ออก มาจากหัวสมองอันมีรอยหยักของตัวเขา บางทีเขาก็ไม่อยากจะโมโหจนระเบิดสวนสาธารณะนี่ทิ้งสักเท่าไหร่หรอกนะ ถ้าเป็นที่บ้านก็คงฝาดของบนโต๊ะทำงานลงไปนอนกองกับพื้นไปแล้วแน่ๆ เขาโกรธจริงๆ โกรธที่ยอมให้เขาหลอก ยอมให้เขาสวมเขา เพราะ.. เพราะเขารักพวกเธอตลอดระยะเวลาที่คบกันมาหลายปี ด้วยความจริงใจ จากหัวใจที่อยู่ข้างในหน้าอกซ้ายของเขา คำบอกรักที่เขาพร่ำบอกมันทุกๆวัน มันมีความหมาย มันไม่ใช่คำพูดที่เอาไว้ใช้หลอกฟันผู้หญิงเล่นๆอย่างผู้ชายคนอื่นๆ..

“โอ๊ย!” ร่างโปร่งของใครบางคนที่เดินไม่ดูทางมาชนเขาเข้าให้ (ถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่าเขาลุกไม่ดูจังหวะเสียมากกว่า) เขาที่ไม่ทันตั้งตัวก็แค่เซถอยไปข้างหลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ไอคนตัวบางที่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นเพราะชนเขาเมื่อกี้นี่สิ น่าสงสารชะมัด คงเจ็บน่าดูเลย เพราะขนาดตัวของเขามันก็.. ไม่ต่างจากหมีตัวใหญ่สักเท่าไหร่ เขาเลยจับแขนเพรียวบางของอีกฝ่าย พยุงขึ้นมาให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่เขาเพิ่งลุกขึ้นเมื่อครู่อย่างเบามือ เพราะดูคร่าวๆแล้ว คนตรงหน้าคงเจ็บมากแหงๆ ก็ชนซะเขาถึงกับเซ นึกสภาพแมวตัวเล็กกับหมีตัวใหญ่เดินชนกับดูสิ!

“ผมขอโทษนะครับ ผมเดินไม่มองทางเอง ขอโทษจริงๆนะครับ” เขาควรจะเอ่ยขอโทษก่อนด้วยซ้ำ ชิงตัดหน้ากันได้ไง เขานี่ผิดเต็มประตูนะ ไม่ใช่ชายผมขยุยตรงหน้าที่แมร่ง!.. น่ารัก เมื่อร่างสูงสังเกตมองดีๆแล้ว ชายตรงหน้านี่ดูสวยทีเดียว ไม่ว่าจะผิวขาวเนียนนุ่มน่าสัมผัส ลำคอขาวหน้าตาสวยดูสะอาดสะอ้านอย่างกับลูกคุณหนูยังไงอย่างนั้น ไหนจะดวงตาสีเขียวมรกตคู่งามที่เหลือบขึ้นมาสบตาของเขาเพียงแวบเดียวก็แส่ หน้าหลบหนีไปอีกทาง ผมสีน้ำตาลสวยที่เป็นลอล์นน่าจับของอีกฝ่าย มันทำให้เขา.. ใจเต้นแปลกๆ

“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษคุณ ผมลุกพรวดพลาดขึ้นมาไม่มองทางเอง ผมขอโทษจริงๆนะครับ” ร่างสูงตอบกลับร่างบางไปบ้างหลังจากที่เงียบมานาน ร่างบางตรงหน้ารีบส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงปฏิเสธว่า ‘เขาไม่ได้ผิดหรอกนะ ร่างบางต่างหากผิดเอง’ เขาเลยตัดบทไปเลยเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นคงขอโทษกันไปกันมาอีกนาน ไม่แน่ว่าอาจจะยาวไปเรื่อยๆไม่มีวันจบก็ได้ เพราะดูท่าแล้วร่างบางตรงหน้าก็ไม่มีที่ท่าว่าจะยอมเขาง่ายๆเลยซักนิด = =

“แล้วคุณเป็นอะไรไหม? เจ็บตรงไหนรึป่าว”

“ไม่เลยครับ ผมสบายมากๆ แล้วคุณหละครับ?” ร่างตรงหน้าถามกลับ เขาส่ายหน้าไปมาเบาๆเป็นเชิงปฏิเสธ

“ผมหนะสบายครับ แค่เซเฉยๆ” ร่างสูงยิ้มบางๆให้คนตรงหน้าสบายใจมากขึ้น ท่าทีเป็นห่วงเขามากกว่าห่วงตัวเองแบบนี้ ได้มาเป็นเมียก็ตงจะดี!

อะไรนะไอคริส! แกคิดอะไรอยู่เจอกกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แถมก่อนหน้าแกก็ชนเขาแทบกลิ้ง ฝันไปเหอะว่าเขาจะยอมมาเป็นเมียนาย! ไอคริส เฮมส์เวิทธ์!

“ผมคริสครับ คริสโตเฟอร์ เฮมส์เวิทธ์” พูดพลางส่งยิ้มละลายใจสาวไปให้ร่างบางตรงหน้า

“ผมทอมครับ โทมัส ฮิตเดิลสตัน” ยิ้มหวานส่งไปให้เช่นกัน

“ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอเลี้ยงกาแฟซักแก้วเป็นการขอโทษได้ไหมครับ? มันไม่ไกลมาก แค่หัวมุมทางด้านโน้น” พูดพลางชี้นิ้วใหญ่ๆของตัวเองให้ร่างบางดูร้านทางด้านหน้าที่มีขนาดเล็กๆดู แล้วบรรยากาศน่าจะดีมากๆ แถมวิวก็ดี เห็นสวนดอกไม้สวยๆอีกต่างหาก ดูแล้วไอคนตัวเล็กนี่น่าจะชอบอะไรที่มันดูเป็นธรรมชาติ กับบรรยากาศดีๆ ดูปราดเดียวก็รู้ (หันมายักคิ้วหล่อให้ผู้อ่านสองที) หมีจะกินแมวให้ได้ -..-

“ดูท่าทางบรรยสกาศดีน่าดูเลยนะครับ” เป็นยังไง ตามที่หมีคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด แมวตัวน้อยๆติดกับเขาอย่างจัง -..- วันนี้แหละ ต้องทำแต้มให้ได้ ไม่ก็ขอที่อยู่หรือไม่ก็เบอร์โทรศัพท์จากร่างบางตรงหน้ามาสัอย่าง เอาว่ะ สู้โว้ย!!!

“ว่ายังไงครับ สนใจไหม?” เมื่อเห็นร่างบางดูเงียบไปนาน ร่างสูงเลยเอ่ยปากถามขึ้นอีกครั้ง

“อืม.. คุณเลี้ยงก็โอเคครับ” พูดจบก็ขำออกมาเบาๆ =..= ม มันน่ารัก!

“งั้นไปกันเถอะครับ เดินไหวไหม?” พูดจบก็เกี่ยวเอวร่างบางมาแนบกาย คนที่ถูกกระทำแบบนั้นก็หน้าแดงไปทั้งหน้า ก็เขาเป็นผู้ชายนี่ไม่เคยถูกกระทำแบบนี้สะหน่อย ไอตาคริสบ้า!!!

.

.

.

“สั่งได้ตามสบายเลยนะครับ” หลังจากที่เขาทั้งสองมานั่งกันได้ซักพักแล้ว คริสเลยเริ่มบทสนทนาก่อน เขาชวนร่างบาง